FootNote:จากกรณี ประยุทธ์ มินิฮาร์ต ถึง น้ำตา อภิรัชต์ คงสมพงษ์
ภายหลังสถานการณ์ก่อการสังหารโหด ณ ห้างสรรพสินค้าโคราช สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ตกที่นั่งเดียวกัน
นั่นก็คือ ตกเป็นเป้าแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ ตกเป็นเป้าแห่งการ หงุดหงิด ไม่พอใจ
อาจเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปปล่อย”มินิฮาร์ต”
เป็นการปล่อยหลังจากเดิน “แตะมือ” บรรดาประชาชนที่มาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส
อาจเพราะ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผลักภาระและความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับ จ.ส.อ.พลันที่ จ.ส.อ.ปล่อยกระสุนสังหารคร่ากุมชีวิตคนอื่น
เป็นการแสดงความเสียใจแต่มิได้แสดงความรับผิดชอบอะไรอื่น
หากมองอย่างเปรียบเทียบ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
แตกต่างตรง”มินิฮาร์ต” แตกต่างตรง”หลั่งน้ำตา”ร่ำไห้
แต่แทนที่”มินิฮาร์ต”จะสร้างความประทับใจ แต่แทนที่อาการกรีดน้ำตาจะสร้างความรู้สึกในลักษณะอันเป็น”สมารมณ์”ระหว่างเจ้าของน้ำตากับผู้สูญเสีย
กลับกลายเป็น “คำถาม” กลับกลายเป็น “ความข้องใจ”และตามมาด้วยข้อเรียกร้องเป็นชุดๆ
เป็นความเรียกร้องในเรื่อง”ความรับผิดชอบ”ของชายชาติทหาร
เป็นความเรียกร้องที่ไปไกลถึงขนาดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ สอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันให้เกิดโศกนาฎกรรมจากความหละหลวมในกองทัพเกิดขึ้นอีก
กลายเป็นว่า “กองทัพ” กลับเป็น”จำเลย”ในทางสังคม
หากมองจากด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากด้านของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งรับราชการทหารและเป็นทหารมาจนได้เป็นผบ.ทบ.จนได้เป็นนายกรัฐมนตรี
โศกนาฎกรรมครั้งนี้นับว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในชีวิตรับราชการ
นึกไม่ถึงว่าจะมาเกิดในยุคที่ตนเองเป็นใหญ่ในทางราชการ
เพียงแต่เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นแล้วมีการแสดงออกบางอย่างที่ดูไม่เหมาะสมดูไม่สอดรับกับสภาพการณ์เท่านั้น
“มินิฮาร์ต”ก็กลายเป็นเรื่อง “น้ำตา”ก็กลายเป็นประเด็น