FootNote:การท้าทายจากบุรีรัมย์ อุทัยธานี การท้าทาย‘รัฐราชการ’รวมศูนย์
เห็นกระบวนท่าปิดเมืองปรากฏขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เห็นกระบวนท่าปิดเมืองปรากฏขึ้นที่จังหวัดอุทัยธานี ก็มีคำถามถึงจังหวัดสุพรรณบุรีว่า หาก นายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีชีวิตอยู่
มีความเป็นไปได้ที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา จะปิดจังหวัดสุพรรณบุรีเมือนที่กำลังเกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และอุทัยธานีหรือไม่
ประเด็นอยู่ที่ว่าจะเริ่มจาก “พื้นฐาน” อะไร
หากเริ่มจากพื้นฐานที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรีก็อาจจะมีมาตรการปิดเมือง ปิดประเทศไปตั้งแต่ห้วงแรกที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19
หากเริ่มจากพื้นฐานที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นเพียงส่วน หนึ่งในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
สถานการณ์อย่างบุรีรัมย์ อย่างอุทัยธานีอาจเกิดที่”สุพรรณ”
ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าสภาพที่บุรีรัมย์ ไม่ว่าสภาพที่อุทัยธานี มีเงาของ นักการเมือง มีเงาของพรรคการเมือง ทอดทับอยู่เหมือนกับสภาพที่สุพรรณบุรี
เพราะที่บุรีรัมย์มีเงาของ”เนวิน” เพราะที่อุทัยธานีมีเงาของ”ชาดา”
เช่นเดียวกับที่สุพรรณบุรีมีเงาของ “ศิลปอาชา”
สภาพความเป็นจริงของการเมืองปัจจุบัน แม้พรรคภูมิใจไทยจะได้โควตากระทรวงสาธารณสุขและควรมีบทบาทเป็นอย่างสูงในการต่อสู้กับไวรัส โควิด-19
แต่ไม่ว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอมาตรการอะไรออกไปก็มักจะถูก”เบรก”จึงจำเป็นต้องทะลักมายังบุรีรัมย์ มายังอุทัยธานี
เพราะทั้งบุรีรัมย์ ทั้งอุทัยธานีเป็นพื้นที่ของ “ภูมิใจไทย”
โดยความเป็นจริง รัฐไทยมีลักษณะเป็น “รัฐราชการรวมศูนย์”อย่างเข้มข้นและเด่นชัดนับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เมื่ออำนาจอยู่ในมือของ “คสช.”
อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 อำนาจที่เคยเบ็ดเสร็จก็ไม่อาจดำรงอยู่ในแบบ”กินรวบ” หากแต่จำเป็นต้องดำรงอยู่ในแบบ “กินแบ่ง”
กระทั่ง ทะลักผ่าน”บุรีรัมย์ ทะลักผ่าน”อุทัยธานี”