FootNote:กระแสกดดันทหาร ส.ว. สถานการณ์ไวรัสระบาด
ไม่ว่าข้อเรียกร้องให้เกลี่ยงบประมาณโดยเน้นไปยัง “กลาโหม” ไม่ว่าข้อเรียกร้องให้ “ผู้แทนปวงชน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ว.เสียสละในเรื่องของเงินเดือน
เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ เท่ากับเป็นการเตือนอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
สะท้อนความรู้สึกลึกๆที่ดำรงอยู่ภายใน “สังคม”
สะท้อนว่าสังคมมองบทบาทและความหมายของ ส.ว.อย่างไร สะท้อนว่าสังคมรับรู้และเปรียบเทียบกระบวนการจัดสรรงบประมาณ”กลาโหม”อย่างไร
ความรู้สึกนี้เหมือนกับเป็นตะกอนนอนก้น หากไม่มีปัญหาที่รุนแรงแหลมคมก็จะนอนก้นอยู่ต่อไป
แต่พลันที่มี “วิกฤต” ที่นอนก้นก็จะ”ลอยตัว”ขึ้นมา
ประเด็นของ ส.ว.มีความแจ่มชัดเมื่อเปรียบเทียบกับบทบาทของ ส.ส.ในการทำหน้าที่ในฐานะ”ผู้แทนปวงชน” ปกป้องรักษาผลประ โยชน์ของประชาชน
แจ่มชัดเพราะว่างานเด่นเพียงหนึ่งเดียวของ ส.ว.คือปกป้องรัฐบาล ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะว่าแต่งตั้งมาโดยอำนาจของ “คสช.”
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมคือรากฐานแห่งอำนาจของคสช. ไม่ว่าจะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นผบ.ทบ.
ยิ่งมีการเปรียบเทียบงบประมาณระหว่างกระทรวงกลาโหม กับกระทรวงสาธารณสุขก็จะยิ่งเห็นจุดต่างระหว่างฟ้ากับเหว ในท่ามกลางการทำงานอย่างหนักของบุคลากรทางการแพทย์
เสียงเรียกร้องให้ตัด เกลี่ย โอน จึงดังกระหึ่ม
กระทรวงกลาโหมดูจะกระสาต่อเสียงเรียกร้องในทางสังคมจึงออกมาแถลงอย่างสอดรับกับสถานการณ์ ว่ามีความพร้อมเต็มเปี่ยมที่จะตัดเกลี่ย โอน
ตรงกันข้าม กับบรรดา ส.ว.ซึ่งส่วนหนึ่งมิได้สำเหนียก สำนึก และตระหนัก
ยิ่งกว่านั้น ยังแสดงบทบาทไอ้ห้อย ไอ้โหนอย่างเต็มที่
ความรู้สึกในทางสังคมก็ยิ่งแพร่ขยาย กลายเป็นกระแสกดดันอันหนักหน่วงและรุนแรงมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ยิ่งสถานการณ์ไวรัสสาหัส การกดดันจะยิ่งกว้างขวางใหญ่โต