FootNote:‘การชุมนุม’ กระตุก ‘กระบวนทัศน์’ บทบาท เยาวชน ประชาชน ปลดแอก
ปมที่ “น้องรุ้ง ปภัสรา” ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ปมที่”เพนกวิน พริษฐ์”ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ได้รับความสนใจและถูกขยายให้กลายเป็นกรณีขัดแย้งภายใน”เยาวชนปลดแอก”
นักวิเคราะห์บางฝ่ายมองเห็นเรื่องนี้เหมือนกับเหยื่ออันโอชะ จึงไม่แปลกที่บรรดาไฮยีน่าจะถลาเข้าขยี้อย่างคึกคัก
กว่าจะรู้ว่าตกเป็นเหยื่อของน้องๆก็เกือบจะสายไปเสียแล้ว
ปมหนึ่งที่ถูกมองข้ามไปอย่างไม่น่าเชื่อก็คือ แม้ “น้องรุ้ง ปภัสรา” จะไม่ได้ขึ้นเวที แม้ “เพนกวิน พริษฐ์” จะไม่ได้ขึ้นเวที แต่ นายอานนท์ นำภา ขึ้นเวทีหรือไม่
ตรงนี้ต่างหากที่ถูกมองข้ามไปโดยเจตนา เพราะว่าหากเสนอว่า นายอานนท์ นำภา ได้ขึ้นเวทีปราศรัยและปราศรัยอย่างไร สมมติฐานที่วางเอาไว้ก็จะพังครืน
เพราะคำปราศรัยของ นายอานนท์ นำภา ยังเหมือนกับเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมไม่แปรเปลี่ยน
การขยายเรื่องนี้แทนที่จะเป็นผลเสียกลับจะเป็นผลดี
ผลดีประการหนึ่งก็เหมือนกับที่ “น้องรุ้ง ปภัสรา”ได้แถลงนั่นก็คือ การดำรงอยู่ระหว่าง เยาวชน/ประชาชนปลดแอกกับธรรมศาสตร์ และการชุมนุม เป็นการดำรงอยู่อย่างเป็นอิสระ
มิได้หมายความว่า เยาวชน/ประชาชนปลดแอกจะต้องรับคำบัญชาจากธรรมศาสตร์และการชุมนุม
ขณะเดียวกัน ก็มิได้หมายความว่า ธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะต้องทำทุกอย่างไปตามเข็มมุ่งการเคลื่อนไหวของ เยาวชน/ประชาชนปลดแอก
นี่คือความเป็นอิสระภายในกลุ่มและฝ่ายของ”คนรุ่นใหม่” นี่คือการดำรงอยู่ของการเคลื่อนไหวที่เสมอต้นเสมอปลายตลอดมา
นั่นก็คือ ดำรงอยู่อย่างแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง
กระนั้น ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่”น้องรุ้ง ปภัสรา”ยืนยัน นั่นก็คือ เป้าหมายอยู่ที่รัฐธรรมนูญ อยู่ที่การยุบสภา
อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกไป ต้องออกไป
สภาพการเคลื่อนไหวทางการเมืองนับแต่วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคมเป็นต้นมา มีผลต่อสิ่งที่เรียกว่า”กระบวนทัศน์”ในทางความคิดอย่าง รุนแรงและลึกซึ้ง
จะทำความเข้าใจต่อการเคลื่อนไหวได้จำเป็นต้องทำความเข้าใจต่อปรากฏการณ์ในทางความคิดของคนรุ่นใหม่
เมื่อสวมแว่นเก่าก็มองเห็นแต่กระบวนการเก่า
ไม่เข้าใจเยาวชน/ประชาชนปลดแอก ธรรมศาสตร์และการชุมนุม