FootNote:หยิกเล็บ ปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ สะเทือนถึง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
หากฟังตามถ้อยแถลงอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป้าในการใช้อำนาจของศาลเข้าจัดการผ่านเฟซบุ๊ก คือเพจหนึ่งซึ่งมี นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ อยู่ในฐานะเป็น”แอดมิน”
ซึ่งเมื่อผ่านอำนาจของศาลสถิตยุติธรรมทางเฟซบุ๊กก็พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายของไทย
แต่เรื่องใหม่ซึ่งประเทศไทยและคนไทยต้องทำความเข้าใจร่วมกันจากกรณีนี้ก็คือ ปฏิบัติการของประเทศไทยอาจกลายเป็นมูล เหตุหนึ่งที่เฟซบุ๊กอาจฟ้องร้องกลับ
ความหมายก็คือ เฟซบุ๊กจะฟ้องประเทศไทย จะฟ้องรัฐบาลไทยโดยกล่าวหาว่ากระทำการขัดต่อสิทธิและเสรีภาพโดยมีการอ้าง ผลสะเทือนต่อการลงทุน
แทนที่จะเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างรัฐบาลไทย กับนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ พลันกลับกลายเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยกับเฟซบุ๊กทันทีที่เฟซบุ๊กยื่นฟ้องร้อง
นี่คือความละเอียดอ่อนของธุรกิจข้ามชาติ นี่คือความละเอียดอ่อนของธุรกิจที่กระทบถึงการเมือง
กล่าวในทางเทคโนโลยีแม้ว่ารัฐบาลไทยจะสามารถใช้อำนาจในทางอ้อมผ่านกระบวนการทางกฎหมาย กระบวนการทางศาลให้เฟซบุ๊กจัดการกับเวบเพจที่รัฐบาลไทยไม่ต้องการ
แต่ผลที่ตามมาอย่างนอกเหนือความคาดคิดก็คือ ทางด้านของ นายปวิน ชัชชาลพงศ์พันธ์ ก็สามารถฟื้นเพจได้ทันที
เพียงไม่กี่วันแฟนเพจก็มีมากกว่า 4 แสนคน
ความหมายก็คือ เฟซบุ๊กยังเปิดช่องทางให้ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ได้ดำเนินการตามสิทธิ ความหมายก็คือความพยายามของรัฐบาลไทยแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรในทางเป็นจริง
หากรัฐบาลไทยต้องการปิดเพจนี้เหมือนกับที่เคยปิดมาแล้วก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการทางศาลและยื่นคำขาดไปยังเฟซบุ๊ก เหมือนกับที่เคยทำมา
ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่า นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ จะไม่สามารถทำอย่างที่ทำมาแล้วได้
ผลก็คือ ในทางเป็นจริงรัฐบาลไทยมิอาจทำอะไร นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ได้ เพราะเพจที่รัฐบาลไทยไม่ต้องการก็มิได้หายไปไหนเพียงแต่เปลี่ยนรูปโฉมใหม่เท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ยังล่อแหลมที่รัฐบาลไทยอาจต้องปะทะในเชิงผลประโยชน์กับเฟซบุ๊ก ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกาอีก
เพราะเขาอาจฟ้องร้องต่อศาลสถิตยุติธรรมได้