FootNote:บทเรียน เรือดำน้ำ รัฐธรรมนูญ บทเรียน เรื่องเตะถ่วง ซื้อเวลา
ท่าทีและการคลี่คลายปัญหาในกรณีโครงการซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาล น่าจะสะท้อนให้เห็นเป็นบทเรียน 2 ประเด็นที่สำคัญ
1 ผลสะเทือนจากอารมณ์ในทางสังคมที่ปรากฏเป็น”กระแส”คัดค้านและต่อต้าน
กระทั่งกลายเป็น #ไม่เอาเรือดำน้ำ
1 ท่าทีและการคลี่คลายผ่านกระบวนการ”เลื่อน”การพิจารณาออกไป ไม่ผลีผลามประชุมและลงมติ
เป็นท่าทีเตะถ่วงและ”ซื้อเวลา”ตามความสันทัดมายาวนาน
ต้องยอมรับว่า ท่าทีในแบบนี้ของรัฐบาลเป็นท่าทีที่สะสมความจัดเจนมาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อชะลอและเลื่อนการเลือกตั้ง ออกไปเรื่อยๆ
จาก”ปฏิญญาโตเกียว”ที่ทำให้เชื่อว่าจะเลือกตั้งภายในปี 2558 ก็เลื่อนมาเรื่อยจนถึงเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ท่าทีแบบนี้น่าจะกำลังใช้ต่อกระบวนการของ”รัฐธรรมนูญ”
คล้ายกับในเดือนสิงหาคมนี้จะมีการยื่นญัตติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นจากพรรค พลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นจากพรรคเพื่อไทย
คำถามก็คือ การเคลื่อนไหวนี้เป็นความตื่นตัวและสุกงอมของ พรรคการเมืองหรือไม่
คำตอบก็คือ อาจใช่แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีแรงกดดันอย่างสำคัญ
น่าสังเกตว่าเป็นความตื่นตัวหลังจากการเคลื่อนไหวของ”เยาวชนปลดแอก”เมื่อตอนค่ำของวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนถนนราชดำเนิน
ลำพังเพียงการเคลื่อนไหววันนั้นคงไม่มีผลสะเทือน แต่เนื่องจากที่ตามมาคือการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันในขอบเขตทั่วประเทศ
ไม่ว่าภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ หรือภาคกลาง
เพราะการเคลื่อนไหวในแบบ”เยาวชนปลดแอก”ต่างหากที่ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งความเรียกร้องต้องการแก้”รัฐธรรมนูญ”
กระนั้น บทเรียนจากการเตะถ่วงเรื่อง”การเลือกตั้ง” บทเรียนจากการซื้อเวลาในเรื่องของ”เรือดำน้ำ” น่าจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง
เป็นความระมัดระวังว่าในที่สุดกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะดำเนินไปอย่างไร
จะรวดเร็วหรือเสมอเป็นเพียงการเตะถ่วงและซื้อเวลา