จากกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลในคดีที่ถูกฟ้องร้องว่าปล่อยปละละเลยโครงการรับจำนำข้าวนั้น ก่อให้เกิดการแสดงความเห็นในหลากหลายแง่มุม แต่ที่เป็นประเด็นร้อนในแวดวงวิชาการและกวี คือกรณีมีกวีชื่อดัง รวมถึงนักเขียนที่ได้รับรางวัลซีไรต์และได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ เขียนบทกวีคำผวนที่หยาบโลนและสื่อถึงการเหยียดเพศ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ศ.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขียนบทกวีแสดงทรรศนะต่อบทกวีของนักเขียนทั้งสองดังกล่าว ว่า

กวีศรีสยอง

รู้จักคนรู้จักหน้าไม่รู้ใจ
ฝนตกขี้หมูไหลสะอาดกว่า
ยิ้มแสยะธาตุแท้แฉออกมา
โมฆะชนต่ำช้ามาแต่งกลอน
สัมผัสคำสัมผัสคิดจิตสัมผัส
ตุบตุบเต้นกำหนัดกำเนิดก่อน
ลามกจกแต่เป้ากางเกงนอน
จุฬาว่อนว่าวแหวกน้ำแตกฟอง

ด้าน ศ.ดร.สมภาร พรมทา อาจารย์วิชาการปรัชญาชื่อดัง เขียนวิจารณ์กวีซีไรต์คนดังกล่าวในหัวข้อ “ศิลปินแห่งชาติ” ว่า “มีกวีบางท่านเขียนบทกวีแสดงความเห็นกรณีคุณยิ่งลักษณ์ไม่ไปศาลวันนี้ เนื้อความของบทกวีหยาบคาย ไร้ศิลปะ ต่อมาทราบว่าเจ้าตัวลบบทกวีนั้นทิ้ง ผมเห็นฉบับที่มีผู้กอปปี้ไว้ มีคนวิจารณ์กันมาก

คำวิจารณ์จากบางท่านพูดเสียดสีทำนองว่าท่านกวีคงกำลังทำแต้มจะเป็นศิลปินแห่งชาติ มีคนแสดงความเห็นมาก แต่ในนั้น (เฟสบุคของเพื่อนผมท่านหนึ่ง) ไม่มีใครทราบเลยว่าท่านกวีท่านนี้ได้เป็นศิลปินแห่งชาติแล้วเมื่อปีที่แล้วนี่เอง

ผมในฐานะคนรับผิดชอบคนหนึ่งในการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติปีที่แล้ว รู้สึกเสียใจ ไม่คาดคิดว่าคุณภาพศิลปินแห่งชาติจะเป็นอย่างนี้ ปีที่แล้ว เราใช้เวลาถกกันเรื่องศิลปินแห่งชาติยาวนานเป็นพิเศษ ผมพูดอะไรนอกห้องไม่ได้เพราะเสียมารยาท

ฝากคณะกรรมการรำลึกถึงคำอภิปรายยาวเหยียดของผมเรื่องคุณสมบัติคนจะเป็นศิลปินแห่งชาติด้วยนะครับ ที่ผมเป็นห่วงนั้นมีมูลใช่ไหม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณยิ่งลักษณ์ แต่เกี่ยวกับการรักษามาตรฐานคุณสมบัติศิลปินแห่งชาติ ที่ผมมีหน้าที่และพันธะทางจริยธรรมที่จะไม่นิ่งเฉย”

 

ขณะที่ รศ. ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขียนในเพจเฟซบุ๊กว่า ถ้าคุณอยากวิจารณ์ยิ่งลักษณ์จากการกระทำทางการเมืองของเธอ ดิฉันไม่ว่า ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะเห็นต่าง มองโลกทางการเมืองที่แตกต่างกันได้ ด่าและวิพากษ์จากจุดยืนที่ตรงกันข้ามกัน และต่อสู้กันไปตามตรรกะและวิธีคิดของใครของมัน

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณลงไปเล่นกับอวัยวะเพศของเธอ มันไม่ใช่การวิพากษ์ทางการเมืองอีกต่อไป หากแต่คือการกระทำความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงผ่านภาษา ที่ถูกกลบเกลื่อนทำให้เป็นเรื่องขำขันผ่านการเล่นคำผวนที่หยาบโลน

ผู้ที่ลากอวัยวะเพศของเธอมาเสียบประจานในที่สาธารณะ ชี้ชวนให้ผู้คนเข้ามากลุ้มรุม จ้องมอง เชิญชวนให้ลิ้มลอง ทั้งรุมปู้ยี่ปู้ยำอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ มีทั้งผู้ที่ถูกเรียกว่า กวีซีไรต์ และศิลปินดีเด่น พร้อมทั้งเหล่าเพื่อนพ้องที่เป็นชายของพวกเขา ที่เปลี่ยนให้ลานกวี กลายเป็นลานสังเวยทางเพศอันน่าสนุกสนาน บันเทิงใจ

น่าแปลกที่นักข่มขืนทางภาษาเหล่านี้ ยังสามารถเชิดหน้าชูตาอยู่ได้ในแวดวงวรรณกรรม อีกทั้งมหกรรมการกระทำรุนแรงทางเพศของพวกเขา ยังได้รับการสรรเสริญ เผยแพร่ และเวียนกันอ่านอย่างขบขันกันถ้วนหน้าในหมู่เพื่อนพ้อง ทั้งชายและหญิง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก การใช้อุปลักษณ์ทางเพศเพื่อข่มขืนเพศหญิงที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นเรื่องทั้งปกติ และตลกโปกฮา ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่น่าสลด และหดหู่ใจอย่างยิ่ง

ไม่เชื่อ ก็ลองถอดคำผวนลวงตาเหล่านั้นออกไป แล้วลองดูว่าเห็นอะไรบ้าง อยากรู้จริงๆว่า ภาพของหญิงที่ถูกบังคับให้นำอวัยวะเพศมาประจานและหยอกล้อ ยังจะน่าขบขันอยู่อีกไหม?”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน