กรณี”กฤษดามหานคร”กำลังเดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับกรณี”สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น”มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

น่าสนใจเพราะว่าเป็นเรื่องของ”เงิน”

น่าสนใจยิ่งกว่านั้นเพราะว่าได้กลายเป็น “คดีพิเศษ”และตกมาอยู่ในมือของ “ดีเอสไอ”

น่าสนใจเพราะว่ามี “กลิ่น” แปลก-แปลก

เป็นความแปลกเนื่องจากมีสารในทาง”การเมือง”เบียดแทรก เข้ามาอย่างเด่นชัด

เข้าทำนอง “เลือกปฏิบัติ”

ทั้งเรื่อง”สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น” ทั้งเรื่อง”กฤษดามหานคร”จึงต้องฟังความ 2 ด้าน

ระวัง! จะกลายเป็น “เผือกร้อน”

ถามว่าเหตุใดถึงมองกรณี”กฤษดามหานคร”ว่าอาจจะบานปลาย กลายเป็นเรื่องการเมืองเหมือนกรณี”สหรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น”

จุดร่วมอย่างสำคัญ คือ “เลือกปฏิบัติ”

คำถามที่แหลมคมเป็นอย่างมากจากวัดพระธรรมกายก็คือ เงินที่บริจาคจาก”สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น”นั้นมิได้มีแต่วัดพระธรรมกายแห่งเดียว

หากยังมี “สถาบันอื่น” และเป็นเงิน “ก้อนโต”กว่า

คำถามที่แหลมคมอีกเหมือนกันก็คือ เงินที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวกับ”กฤษดามหานคร”มีจำนวนเพียง 10 ล้านบาทเท่านั้นและคืนไปให้แล้วด้วย

แต่ยังมีเงินที่ไหลไปยัง “สถาบัน” อื่นและ “คนอื่น”อีกจำนวนมหาศาล

นั่นแหละที่กลายเป็น”ประเด็น”

กรณีของ “กฤษดามหานคร” จึงมีความจำเป็นต้องสร้างความโปร่งใส กระจ่างสว่างต่อสังคม

เพราะมีบทเรียนจาก”สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น”

เพราะบทเรียนนั้นเด่นชัดว่า “ดีเอสไอ” ฉายแสงแห่งสปอตไลต์ไปยัง “ธรรมกาย” เพียงแห่งเดียว

ขณะที่ “ละเลย”จำนวนเงินที่ไหลไปยัง”สถาบัน”อื่น

หากว่า “ดีเอสไอ” รับเรื่องและดำเนินการต่อจาก “ปปง.” จำเป็นต้องมีคำอธิบายอย่างเพียงพอ

เพียงพอว่ามิได้มีการ “เลือกปฏิบัติ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน