FootNote:จากสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง อาจเข้าสู่พื้นที่ของกฎอัยการศึก

เด่นชัดมากยิ่งขึ้นว่า การเคลื่อนไหวของ”เยาวชนปลดแอก”ยึดกุมในแนวทางแบบ”จรยุทธ์” เห็นได้จากการเปลี่ยนเป้าหมายจาก”ทรัพย์สิน”ไปยัง”ธนาคารไทยพาณิชย์”อย่างฉับไว

หากถามว่าสามารถทำได้ตามคำประกาศหรือไม่ ตัวอย่างการนัดชุมนุมในอดีตมีให้เห็นอย่างมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม ณ แยกราชประสงค์ หลังถูกสลายในตอนเช้าของวันที่ 15 ตุลาคม หลังจากนั้นเมื่อมีการนัดหมายก็ปรากฏอย่างพร้อมเพรียงกัน

ยิ่งภายหลังจากถูกรถฉีดน้ำผสมสารเคมีฉีดเข้าใส่ในตอนค่ำของวันที่ 16 ตุลาคม ณ ปทุมวัน ย่านสยามสแควร์ การนัดหมายที่แยกลาดพร้าวก็เกิดขึ้นได้อย่างมหึมามหาศาล

การประกาศจุดนัดพบจากบริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินบนถนนประชาธิปไตย มาเป็นบริเวณหน้าสำนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ ย่านรัชโยธิน จึงมิได้เหนือความคาดหมาย

นี่คือจุดเด่นของการเคลื่อนไหวในแบบ”จรยุทธ์” นั่นก็คือ นัดหมายเร็ว ชุมนุมเร็วและสลายเร็วตามแบบ”แฟล็ชม็อบ”

เมื่อสภาพการณ์ของ”เยาวชนปลดแอก”ดำเนินมาเช่นนี้ภาวะยุ่งยาก และลำบากจึงตกอยู่กับอีกฝ่าย เนื่องจากตระเตรียมรับมือไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ไม่ว่าจะเป็นมินเนียน

ยิ่งการปักป้าย”เขตพระราชฐาน” ประสานกับการติดตั้งลวดหีบเพลงและแท่นปูนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นปัญหาตามมา

ป้าย”เขตพระราชฐาน”ยากที่จะเคลื่อนย้ายแน่นอน แท่นปูนขนาดใหญ่อาจใช้รถสิบล้อขนบรรทุกไปได้แต่ก็ทุลักทุเลเหมือนกับการรื้อถอนลวดหีบเพลง

กระนั้น ปัญหายังอยู่ที่ว่า แม้”เยาวชนปลดแอก”จะย้ายจุดนัดพบไปยังสถานที่แห่งใหม่ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่หวนกลับมายังเป้าหมายเดิม

จึงจำเป็นต้องตระเตรียมรับมือ 2 แห่งทั้งยุทโธปกรณ์และคน

สิ้นเปลืองทั้งในด้านการสนธิกำลังพล ทั้งในด้านยุทโธปกรณ์ที่ขนย้ายยากลำบาก ที่สำคัญก็คือสิ้นเปลืองเวลา

พลันที่เข้าสู่การเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคมเป็นต้นมา รัฐบาลก็จะสรุปได้ในความสลับซับซ้อนของการเคลื่อนไหวว่าเริ่มมีความเครียด ตึงในการรับมือ

ทั้งๆที่เพิ่งผ่านสถานการณ์ฉุกเฉิน”ขั้นร้ายแรง”เป็นไปได้ว่าอาจจำต้องเข้าสู่พรมแดนของ”กฎอัยการศึก”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน