คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ล็อกดาวน์ตัวเอง – การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลต่อไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 15 ม.ค. 2564 น่าจะไม่มีข้อสงสัยใดๆ เพราะสถานการณ์การระบาดของโรค โควิด-19 บ่งบอกว่าคงต้องเป็นเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกอื่น

แกนนำรัฐบาลคงไม่ต้องออกมาอธิบายว่า การต่ออายุครั้งนี้ไม่มีนัยการเมือง มุ่งใช้สกัดโรค ไม่ใช่สกัดม็อบ

ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเองก็ประกาศพักการชุมนุมชั่วคราวตั้งแต่ปลายปี ก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่

ช่วงที่รัฐบาลได้หยุดพักการเผชิญหน้ากับการชุมนุมบนท้องถนน หลังมีมาอย่างต่อเนื่อง 6 เดือน จึงถือเป็นช่วงที่ต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโดยตรง และต้องรีบรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่พอๆกัน

เมื่อมองย้อนกลับไปปี 2563 รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มานานถึง 9 เดือนแล้ว นับจากวันที่ 26 มี.ค. ด้วยเหตุผลป้องกันและระงับยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 จากนั้นมีมติขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายพิเศษฉบับนี้มาอย่างต่อเนื่อง

แม้ช่วงเวลาดังกล่าวสถานการณ์คลี่คลาย จนผู้คนเดินตามท้องถนนและสถานที่สาธารณะอย่างสบายใจ กระทั่งล่าสุดบรรยากาศกลับมาตึงเครียด รัฐยังคงอาศัยพ.ร.ก.ฉุกเฉินเช่นเดิม จนไม่เห็นข้อแตกต่างระหว่างช่วงเวลาผ่อนคลายกับช่วงเวลาขึงให้ตึง

ในที่นี้รวมถึงกรณีที่รัฐบาลตัดสินใจเบื้องต้นว่าจะไม่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ด้วยเหตุผลจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ

แต่สิ่งที่ขอคือให้ประชาชนล็อกดาวน์ตัวเอง

คําขอให้ประชาชนทุกคนล็อกดาวน์ตัวเอง ไม่ต้องไปไหน อยู่บ้าน 14-15 วัน เป็นเรื่องที่ประชาชนอาจให้ความร่วมมือได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเรียกร้องจากประชาชนว่า “ท่านก็รู้ปัญหาคืออะไร” คนระดับผู้นำประเทศก็ต้องรู้เช่นกันว่า ปัญหาของประชาชนคืออะไร

เหตุใดประชาชนทุกคนไม่อาจอยู่บ้านติดต่อกันสองสัปดาห์ได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน เหตุใดหลายคนไม่ได้มีเงินเก็บสะสมที่จะอยู่เฉยๆ ที่บ้านตลอดช่วงเวลาดังกล่าว

เหตุใดประชาชนบางคนต้องร่ำไห้ใจเสีย ว่าธุรกิจที่ลงทุนช่วงท้ายปลายปีนั้นกำลังสลายไปเพราะวิกฤตรอบใหม่ แต่มีคนไปเล่นพนันในบ่อนได้ เพราะเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยมานาน

ความเหลื่อมล้ำนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนมองออก ผู้ชุมนุมมองออก แต่รัฐบาลรู้หรือยังว่าปัญหาคืออะไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน