FootNote : เป้าหมายใหญ่ อภิปราย 3 ป. ที่สุด คือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หากมองบทบาทของพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเปรียบเทียบระหว่างการขับเคลื่อนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจในปี 2563 กับในปี 2564 จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลง
น่ายินดีที่เป็นการเปลี่ยนแปลงอันสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาและยกระดับอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะมองไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และการหวนคืนของพรรคเศรษฐกิจใหม่ การเข้ามาของพรรคไทยศรีวิไลซ์
น่ายินดีที่ไม่เพียงแต่ นายสุทิน คลังแสง เท่านั้นที่ออกมายอมรับในจุดอ่อนและความผิดพลาดในอดีต หาก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ก็ไม่ปฏิเสธในความเป็น “มือใหม่”หัดขับ
กระนั้น เมื่อผ่านการปฏิบัติ “ร่วม” อย่างเป็นจริง แต่ละฝ่ายก็สมานเข้าหากัน ภายใต้ร่มธงที่ไม่เห็นด้วยกับ “รัฐประหาร” และต้องการเห็น “ประชาธิปไตย” บังเกิดขึ้น
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุม ภาพันธ์จึงเป็นจังหวะก้าวที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ทางการเมือง

ภายหลังจาก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้สำแดงบท “หัวหน้าฝ่ายค้าน” ในการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจเข้าสู่รัฐสภา
แกนนำสำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็คืนกลับที่ตั้ง ดำรงตนอยู่อย่างสงบ ปล่อยให้ตัวแทนแสดงบทบาทของตนในสถานะกองหน้า
ไม่ว่าจะเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งเคยเป็นประธานรัฐสภามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล
มีความพยายามจะออกมาสกัดขัดขวางจากพรรคพลังประชารัฐ การข่มขู่ คุกคามจากพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านก็อยู่ในความสงบ นิ่งและรอคอย
เมื่อรัฐสภาบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระทุกอย่างก็พร้อมมูล
หากตกลงวัน ว.กันอย่างแจ่มชัดเมื่อใดเชื่อได้เลยว่ามิติใหม่แห่งนวัตกรรมจะเบิกสถานการณ์ใหม่ได้อย่างแน่นอน

แม้ว่าเป้าหมายของรัฐมนตรีที่จะอภิปรายกำหนดไว้ 11 คนแต่เชื่อได้เลยว่า เป้าหมายสำคัญย่อมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
และที่สำคัญอย่างยิ่งยวดที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน