“สําหรับพระองค์ผู้ทรงหาที่เปรียบมิได้และพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นอัญมณีที่ล้ำค่าที่สุด พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย ผู้เสด็จปรินิพพาน ข้าพเจ้าขอถวายความเคารพสูงสุด และการสวดภาวนาด้วยใจจริง ขอพระองค์เสด็จพระราชสมภพเป็นพระธรรมราชาตลอดไป เพื่อประโยชน์ของสรรพชีวิตทั้งปวง”+6

ข้อความในเฟซบุ๊กทางการของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ภายหลังสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เสด็จฯพร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก เข้าถวายความอาลัยและถวายพวงมาลาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมลง พระนามาภิไธยถวายความอาลัย

ภาพที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏานทรงก้มลงกราบหน้าพระบรมโกศเป็นภาพตราตรึงใจแก่พสกนิกรชาวไทยที่ ทรงถวายความเคารพเทิดทูนยิ่งแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช

lad01191059p2

ในการเสด็จถวายความอาลัยนี้ ประชาชนชาวไทยเฝ้ารับเสด็จสองข้างทาง โดยมีพสกนิกรชูพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เคียงข้างพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์

วันที่ 12 ต.ค. ขณะที่ประชาชนทั่วทั้งประเทศเฝ้าติดตามพระอาการของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยความเป็นห่วงและกังวล สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี มีพระราชบัญชาให้วัดต่างๆ ทั่วประเทศภูฏานจัดพิธีสวดมนต์ถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวร

ในเฟซบุ๊กของพระองค์ระบุด้วยว่า พระราชวงศ์ภูฏานและ ไทย รวมถึงประชาชนของทั้งสองชาติมีความสัมพันธ์อันอบอุ่นและมีไมตรีจิตต่อกัน

ภายหลังสำนักพระราชวังแจ้งประกาศการสวรรคตในช่วงค่ำวันที่ 13 ต.ค. ท่ามกลางความวิปโยคโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีทรงทราบข่าวการสวรรคตด้วยความโทมนัสยิ่ง พระองค์ พระราชบิดา และพระราชวงศ์ ทรงนำคณะพระสงฆ์ ข้าราชการ ระดับสูง และประชาชนชาวไทยในภูฏานจุดเทียนและสวดมนต์ถวายความอาลัยที่วัดทาชิโชซอง พร้อมกับมีพระราชบัญชาให้จัดการสวดมนต์เป็นกรณีพิเศษและจุดเทียน ณ วัดต่างๆ ทั่วประเทศภูฏาน

รุ่งขึ้นวันที่ 14 ต.ค. ประเทศภูฏานร่วมถวายอาลัย ลดธงชาติครึ่งเสา ปิดโรงเรียนและสำนักงานต่างๆ เพื่อประชาชนจะได้ร่วมสวดมนต์ที่วัด โดยสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เสด็จฯ เยือนอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน กรุงทิมพู เพื่อนำสวดมนต์ ขณะที่สมเด็จพระอัยกีแห่งภูฏานทรงนำสวดมนต์ที่วัดทาชิโชซอง

ท่ามกลางความโศกเศร้าของพสกนิกรชาวไทยข่าว”กษัตริย์จิกมี” จะเสด็จพระราชดำเนินมายังประเทศไทยเพื่อถวายความอาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสมือนเป็นกำลังใจสำคัญให้กับประชาชนชาวไทยในห้วงเวลานี้

เจ้าชายจิกมี หรือเจ้าชายภูฏาน อันเป็นที่รักที่ชาวไทยเคยเรียกขานนับตั้งแต่ได้รู้จักพระองค์เมื่อครั้งเสด็จมาร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เมื่อปีพ.ศ.2549 ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารเสด็จฯกลับมาประเทศไทยในฐานะพระมหากษัตริย์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก และพระราชโอรส ถึงท่าอากาศยานสุวรรณ ภูมิในช่วงค่ำวันที่ 15 ต.ค. ด้วยพระจริยาวัตรงดงามเรียบง่ายและอ่อนน้อมเช่นเดิม ทรงมีพระราชปฏิสันถารและทรงคมรับไหว้จากข้าราชบริพารที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ

lad01191059p3

สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานทรงมีความใกล้ชิดกับพระราชวงศ์ของไทย และทรงนับถือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศ เคยเสด็จฯ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาบนยอดดอยอินทนนท์ และยอดดอยอ่างขาง และยังเคยเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์

ปี 2549 มหาวิทยาลัยรังสิตถวายปริญญา ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา วิชาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ แด่พระองค์ ในการเสด็จฯ มายังประเทศไทย ครั้งนี้ ทรงพระเมตตาให้ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าเฝ้าฯ พร้อมกับสมเด็จพระราชินีและพระราชโอรส เป็น การส่วนพระองค์ โดยพระราชทาน พระพิฆเนศปางอินเดียให้ ดร.อาทิตย์ด้วย

ในโอกาสที่ทรงเข้ารับการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในปี 2549 นั้น มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า

“ข้าพเจ้ารัก เคารพ และชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก พระองค์ท่านทรงเป็นสุดยอดพระมหากษัตริย์ ข้าพเจ้ามีความศรัทธาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างลึกซึ้งในหลายๆ เรื่อง ปีนี้เป็นปีที่สำคัญมากสำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืม ทุกครั้งที่ได้มาประเทศไทย ข้าพเจ้าจะไม่ลืมประสบการณ์ในครั้งนี้ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้านึกถึงจะมีความสุขและจะชื่นชมกับความทรงจำนี้ไปตลอดชีวิต

เนื่องในโอกาสรับปริญญาบัตรครั้งนี้ เยาวชนจะต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งตัวอย่างที่จะเรียนรู้นั้นหาได้ไม่ยากเลย คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเองพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่สำคัญสำหรับข้าพเจ้า พระองค์ทรงงานอย่างหนัก พระทัยดี ทรงมีความยุติธรรม ทรงเป็นบุคคลที่มีความพยายามมุ่งมั่นทำเพื่อประเทศชาติ

ข้าพเจ้าอยากจะให้เยาวชนไทยและคนไทยยึดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแรงบันดาลใจในการปฏิบัติตน เพื่อดำรงชีวิตตามที่พระองค์ปฏิบัติ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน