FootNote:ความรุนแรงโหดร้ายในพม่า กับท่าทีโอนเอนรัฐบาลไทย

นับวันความวุ่นวายเนื่องแต่รัฐประหารของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย จากพม่า จะส่งผลสะเทือนและลากดึงให้ประเทศไทยต้องเข้า ไปมีส่วนร่วมอยู่ด้วยลึกซึ้งยิ่งขึ้นเป็นลำดับ

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการมาเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารซึ่งมาจาก”รัฐประหาร”

ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด ไร้ที่มาที่ไปของข้าวสารจำนวน 700 กระสอบ ในพื้นที่อันเป็นเขตอิทธิพลระหว่างกะเหรี่ยงกับกองทัพพม่า

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อกองทัพพม่าเริ่มยุทธการปราบปรามทางอากาศอย่างเข้มข้นต่อหลายหมู่บ้านของกะเหรี่ยง ก่อให้เกิดคลื่นผู้อพยพขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณชายแดนติดกับไทย

เมื่อเป็นการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ อึกทึก ครึกโครมและเป็นข่าวไปทั่วโลก สายตาของนานาชาติก็ทอดมองมายังรัฐบาลไทยอย่างเกาะติดพร้อมกับคำถามตามมามากมาย

เป็นคำถามว่าไทยกับรัฐบาลทหารพม่ามีความสัมพันธ์มีความ เกี่ยวข้องกันในระดับใด

ต่อการมาเยือนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลทหารพม่า การพบกันระหว่าง 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีรัฐมนตรีจากอินโดนีเซียร่วมอยู่ด้วยสามารถเข้าใจ

เข้าใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจากอินโดนีเซียกำลังปฏิบัติการโดยมีเป้าหมายอย่างไร

แต่การที่เกิดมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยได้เดินทางเข้าพบ และพูดคุยกับรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.อาวุโสมิน อ่องหลาย กลับเป็นประเด็นทางการทูต

ยิ่งเมื่อรัฐบาลไทยแถลงในข่าวที่มีข้าวสารลึกลับกว่า 700 กระสอบปรากฏขึ้นในพื้นที่ของกะเหรี่ยงอิสระ ยิ่งทำให้สายตามองไปยัง บทบาทของกองทัพภาคที่ 3 อย่างแคลงใจ

จึงเมื่อมีกะเหรี่ยงหนีภัยจากการปราบของพม่าก็ยิ่งร้อนแรง

ร้อนแรงเพราะการแถลงของรัฐบาลในกรุงเทพมหานครกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่ประสานสอดคล้องกัน

ความโน้มเอียงที่เห็นชัดนับแต่มีรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ก็คือ รัฐบาลทหารของพม่าต้องการดึงรัฐไทยให้เข้าไปแนบแน่นกับรัฐบาลใหม่ของตน

ขณะที่ประชาคมโลกเริ่มรับไม่ได้มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ กับปฏิบัติการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนของรัฐบาลเผด็จการทหาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน