FootNote : จังหวะก้าวใหม่ของ ไทยไม่ทน ประสานชิด กับ อานนท์ นำภา

การหวนกลับมารอบ 2 ของ “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ของ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ กับ นายจตุพร พรหม พันธุ์ นับแต่วันที่ 24 เมษายน เป็นต้นไปมีลักษณะยกระดับ
ไม่เพียงแต่ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ จะแตะไปยังการใช้มาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือของรัฐบาล
หากแต่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังยืนยันอย่างหนักแน่นที่จะประสานการเคลื่อนไหวในแบบที่ถนัดโดยการจัดตั้งเวทีและปราศรัย เข้ากับการเคลื่อนไหวในโลก “ออนไลน์”
ความจริง หากติดตามการเคลื่อนไหวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อย่างต่อเนื่อง คำประกาศปิดเวทีชั่วคราวของเขาในตอนค่ำของวันที่ 7 เมษายนมีความแจ่มชัด
เป็นความแจ่มชัดที่ยอมรับความจำกัดอันเนื่องจากการแพร่ระ บาดของโควิด เป็นความจำกัดอันเนื่องจากมาตรการการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของอำนาจ
ขณะเดียวกัน ก้าวย่างที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการแตะเข้าไปในชะตากรรมที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ต้องประสบจากมาตรา 112

ต้องยอมรับว่าสภาพที่ไม่ว่า นายอานนท์ นำภา ไม่ว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่ว่า น.ส.ปภัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลและเพื่อนต้องประสบอยู่ในกรงขังขณะนี้เป็นปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย
เนื่องจากการถูกจำขังของพวกเขาต่อเนื่องมายาวนานมิได้เป็นการจำขังจากคำพิพาษาหากแต่เป็นลิดรอนสิทธิของ “ผู้ต้องหา”
ปฏิบัติการ “ยืน หยุด ขัง” ที่ริเริ่มโดยกลุ่มพลเมืองโต้กลับบริเวณ หน้าศาลฎีกานับแต่วันที่ 22 มีนาคมเป็นต้นมากระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เมษายนก็เพื่อเป้าหมาย “ปล่อยเพื่อนเรา”
การที่มวลชนจำนวนหนึ่งเข้าไปร่วมเคลื่อนไหว “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” โดยการ “ชู 3 นิ้ว” ระหว่างยืนเคารพธงชาติทุกวันนับแต่วันที่ 4 เมษายนก็เพื่อเป้าหมายนี้
แม้บางส่วนของ “ไทยไม่ทน” จะไม่เข้าใจ แต่ในที่สุดก็ “เข้าใจ”
ต้องยอมรับว่าหากต้องการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องเรียกร้องให้มีการ “ปล่อยเพื่อนเรา” ออกจากที่คุมขัง

ก็บอกแล้วว่า ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในทางการเมืองจะเริ่มจากความ ต้องการอย่างไร ในที่สุด แต่ละเปลาะแต่ละปล้องก็จะผนวกรวมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นในปี 2564
ในที่สุด การเคลื่อนไหวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็จะบรรจบเข้ากับการเคลื่อนไหวของ นายอานนท์ นำภา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน