FootNote:ปฎิบัติการ “ยืน หยุด ขัง” การเมือง พุ่งสู่ กระแสสูง กับ “เพนกวิน-รุ้ง”

ยิ่งปัญหาการจำขัง “เพนกวิน-รุ้ง” ทอดเวลายาวนานเพียงใด ยิ่งการอดอาหารของ “เพนกวิน-รุ้ง” ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากเพียงใด
ก็จะยิ่งทำให้ปัญหา”เพนกวิน-รุ้ง”กลายเป็นปัญหาสาธารณะ

เป็นคำถามไปยังดุลพินิจของ “ผู้พิพากษา” เป็นคำถามไปยังการใช้กฎหมายของ “สถาบันตุลาการ”

ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากของคดีอันเกี่ยวกับ “เพนกวิน-รุ้ง” และคณะที่ถูกจำขังอย่างต่อเนื่อง และยาวนานก็คือ เป็นการจำขังในระหว่างการพิจารณาคดี

เป็นการจำขังโดยที่ยังมิได้มีการพิจารณาคดี หรือมีคำพิพากษาว่า พวกเขามีความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ และโดยรัฐธรรมนูญ และโดยพันธะสัญญาเรื่องนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถูกกล่าวหา

ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคดีอาญาอื่นๆ ก็ยิ่งแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดแม้กระทั่งคดีที่กำหนดโทษถึงขั้นประหารชีวิตก็ตาม

คำถามนี้จึงพุ่งเข้าหาดุลพินิจและการเลือกปฏิบัติของสถาบันตุลาการอย่างแหลมคมยิ่ง

ปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งไม่ควรมองข้ามก็คือ กิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” ที่เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม บริเวณหน้าศาลฎีกา ซึ่งเริ่มด้วยการยืนของ 7 คน

จากวันที่ 22 มีนาคม กระทั่งมาถึงวันที่ 28 เมษายน เป็นเวลา 1 เดือนเศษได้แพร่กระจายและขยายตัวอย่างกว้างขวาง

จากจำนวนเพียง 7 คนในวันแรกทะยานไปสู่หลัก 400 และมิได้มีแต่เฉพาะหน้าศาลฎีกาเท่านั้น หากแต่ยังเกิดขึ้นในอีกหลายสิบจังหวัดในขอบเขตทั่วประเทศ

ยิ่งกว่านั้น ได้มีการเคลื่อนไหวไม่เพียงแต่ในกลุ่มทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน หากแต่ยังในกลุ่มนักวิชาการจากทั้งด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างต่อเนื่อง

ณ วันนี้ กรณีที่กระทำต่อ “เพนกวิน-รุ้ง” ได้กลายเป็นกระแสในสังคม ก่อความไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยขยายตัวไปเป็นลำดับ

การเคลื่อนไหว “ยืน หยุด ขัง” เป้าหมายมิได้อยู่ที่ให้ผู้ซึ่งถูกจับกุม และจำขังไม่ต้องรับโทษ ตรงกันข้าม เป้าหมายอยู่เพียงให้มีการประกันตัวเพื่อให้พวกเขาได้ออกมาต่อสู้อย่างยุติธรรม

การจำขังและตัดหนทาง มิให้ได้พบทนายความเท่ากับเป็นการตัดสิทธิ์ และลิดรอนโอกาสของพวกเขาไปอย่างไม่เป็นธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน