FootNote:นโยบาย วัคซีน ของ “รัฐบาล” เดิมพัน ประยุทธ์ จันทร์โอชา
มีความแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นในเรื่องของ “วัคซีน” ภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐบาลกับเอกชน(กรอ.)อันมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นก็คือรัฐบาลเป็นด้านหลัก เอกชนเป็นด้านรอง
คำว่าด้านหลักในที่นี้ก็คือ รัฐบาลยืนยันจะแสดงบทบาทในการเตรียมวัคซีน 100 ล้านโดส โดยมีเอกชนเป็นผู้สนับสนุน
เท่ากับที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการ “วัคซีนทางเลือก” มิได้มีอยู่ในทางเป็นจริง เพราะไม่ว่าการตระเตรียมวัคซีนพื้นฐาน 65 ล้านโดส ไม่ว่าการจัดหาอีก 35 ล้านโดสก็ล้วนเป็นของรัฐบาล
การจัดตั้งทีมเอ ทีมบี ทีมซี ทีมดี ที่เรียกอย่างสวยหรูว่า “ทีมไทยแลนด์” ก็เสมอเป็นเพียงการเข้ามาในฐานะ “หน่วยสนับสนุน” เสริมในด้านการฉีด การพีอาร์ ให้กับรัฐบาลอันเป็นด้านหลักเท่านั้น
ข้อเสนอไม่ว่าจะมาจาก หอการค้าไทย ไม่ว่าจะมาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็เสมอเป็นเพียงวาทกรรมอันสวยหรู
ยิ่งบทสรุปของ 40 ซีอีโอที่ต้องการให้มีการปรับครม. และเปลี่ยนตัวรัฐมนตรียิ่งไม่มีความเป็นไปได้ในทางเป็นจริง เท่ากับเป็นการชกลมแต่ฝ่ายเดียวของภาคเอกชน
หากอ่านจากมติของที่ประชุมอันแถลงออกมาโดยรัฐบาลด้วยความเห็นชอบของภาคเอกชนก็คือ รัฐบาลโดยศบค.ยังดำรงแนวทางการจัดหาวัคซีนอย่างที่เคยทำมาแล้ว
นั่นก็คือ ยังฝากความหวังอยู่กับวัคซีน 2 ยี่ห้อจากสหราชอาณาจักรและจากจีน อย่างที่เคยถูกวิพากษ์ว่า “แทงม้าตัวเดียว” อยู่
เพียงแต่อาจจะมีการยืดหยุ่นบ้าง โดยการติดต่อไปยังวัคซีนยี่ห้ออื่น ไม่ว่าจะเป็นสปุทนิค วี ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์ แต่ก็เสมอเป็นเพียงส่วนประกอบ ด้านหลักยังอยู่กับ 2 ยี่ห้อเดิม
สะท้อนให้เห็นความมั่นใจของรัฐบาลว่ามาตรการที่เคยดำเนิน ในห้วงการแพร่ระบาดรอบที่ 1 ยังมีประสิทธิภาพเพียงพอ
นั่นสัมผัสได้จากมาตรการที่เริ่มจาก “กึ่งล็อกดาวน์” และทวีความเข้มมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในห้วงปลายเดือนเมษายน
ต้องยอมรับว่า ยิ่งรัฐบาลหวนกลับไปใช้มาตรการ “เข้ม” เหมือนกับในห้วงการประกาศ และบังคับใช้พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินหลังวันที่ 25 เมษายน 2563 มากเพียงใด ยิ่งสะท้อนถึง “เดิมพัน” ในทางการเมือง
เป็นเดิมพันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำเอาอนาคตทางการเมืองมาวาง ณ เบื้องหน้าประชาชนอย่างเต็มพิกัด
