คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ชะตาเพนกวิน : การเห็นสภาพและชะตากรรมของนักกิจกรรมทางการเมืองต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเป็นเรื่องสะเทือนใจคนในสังคมหลายๆ คน

โดยเฉพาะ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎรที่มีข่าวออกมาเป็นระยะว่าอาการหนักกว่าใครๆ จากการอดอาหารประท้วงกระบวนการยุติธรรมมาตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2564

รวมถึงข้อมูลล่าสุดจากกรมราชทัณฑ์ ว่าน้ำหนักตัวลดลงจาก 107 เหลือ 94.5 กิโลกรัม และร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้

กระทั่งแพทย์กังวลว่าอาจเกิดภาวะช็อกได้ จึงมีความเห็นว่าควรส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ เพื่อรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลรามาธิบดี วันที่ 30 เม.ย.

16 มี.ค.ถึง 30 เม.ย.กินระยะเวลานานถึงหนึ่งเดือนครึ่ง และเป็นคำถามว่า เหตุใดคนที่ต่อสู้ทางความคิดจึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้

ชะตากรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้นำรัฐบาลเคยให้ความเห็นว่าเป็นสิ่งที่นายพริษฐ์เลือกเอง

ขณะที่ความพยายามต่อสู้เรียกร้องของ นายพริษฐ์ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้

นอกจากเรื่องรัฐธรรมนูญ ยังมีสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สภาพเศรษฐกิจ โครงสร้างอำนาจทางสังคม และกฎหมายที่มีปัญหาเป็นที่กังขาในระดับโลก

ปัญหาทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงกันและสะท้อนว่า เหตุใดนายพริษฐ์ต้องเลือกในวิธีประท้วงอย่างสันติที่แทบไม่มีใครกล้าเลือก

เพราะผลของการประท้วงไม่เพียงกระทบต่อสุขภาพและชีวิต แต่ยังป่าวประกาศถึงความผิดปกติทางการเมืองที่เป็นปัญหาและควรต้องได้รับการแก้ไข

การแก้ไขปัญหายังมีทางออกและรอให้รัฐบาลหรือฝ่ายมีอำนาจได้เลือก

นั่นคือการลงนั่งพูดคุยกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่รักสันติ เคารพความเห็นกัน ไม่ใช้กำลังความรุนแรง ไม่ใช้กฎหมายเป็นอาวุธที่สร้างความหวาดกลัว หรือปิดปากฝ่ายที่ตรงข้ามจากรัฐบาล

ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมชะตากรรมของนักเคลื่อนไหว รวมถึงกับครอบครัวและญาติมิตรของคนเหล่านั้น ต้องไม่ลืมว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ก่อกรรมทำเข็ญเอาชีวิตใคร ไม่ได้ปล้นแย่งทรัพย์สินของใคร ไม่ได้ใช้อาวุธหรือความรุนแรงบังคับขืนใจใคร

เป็นเพียงคนที่ร่วมสังคมเดียวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน