คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ปูพรมฉีดวัคซีน – เข้าสู่เดือนมิถุนายน ย่อมหมายถึงวาระการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 แบบปูพรมฉีดทั่วประเทศจะเริ่มต้นขึ้น

ตามที่รัฐบาลประกาศให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมตั้งเป้าหมายให้ประชาชนอย่างน้อย 50 ล้านคน จากประชากร 70 ล้านคน ภายในปีนี้

หากบรรลุเป้าหมายได้จริง จะเท่ากับการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในประเทศ

สถานการณ์ก่อนการฉีดวัคซีนปูพรม ตัวเลข วันที่ 28 .. มีผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว 2.4 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.5 ของประชากร ในจำนวนนี้ฉีดเข็มสองครบแล้ว 1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 1.6

หมายความว่าอีก 6 เดือนต่อไปนี้ การฉีดวัคซีนให้ทันเป้าหมาย ร้อยละ 70 ของประชากร การจัดการต้องรวดเร็ว กระจายพื้นที่ และมีวัคซีนเพียงพอ

แผนการฉีดวัคซีนของรัฐเดือนมิ.. ระบุว่า กลุ่มบุคคลทั่วไปจะได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลักตามที่มีวัคซีนเข้ามา ส่วนวัคซีนซิโนแวคเป็นส่วนเสริม

ล่าสุดมีวัคซีนซิโนฟาร์ม วัคซีนตัวที่สองจากจีน เข้ามาเป็นทางเลือก 1 ล้านโดส หลังจากอย. อนุมัติ ให้ขึ้นทะเบียนได้อย่างรวดเร็ว

กรณีหลังนี้ต้องรอความชัดเจนว่า รัฐจะจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มเท่าใด ขณะที่เอกชนอาจมีแผนแยกต่างหาก เช่นเดียวกับการประกันภัยและชดเชยความเสียหาย

เนื่องจากการชดเชยความเสียหายจากการฉีดวัคซีนของรัฐ ระบุชัดว่าจะไม่รวมวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย

สําหรับโครงการโคแว็กซ์ขององค์การอนามัยโลกที่ช่วยเหลือนานาประเทศให้ได้ฉีดวัคซีนนั้น ไทยยังไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้รับ

ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า ไทยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับโครงการโคแว็กซ์ในอนาคต ในลักษณะบริจาควัคซีนที่ผลิตในไทยให้กับโครงการโคแว็กซ์ เมื่อไทย มีวัคซีนเพียงพอสำหรับในประเทศแล้ว

อีกทั้งไทยยังมอบเงินสนับสนุนโคแว็กซ์ไปแล้ว 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 ล้านบาทให้แก่ข้อริเริ่มส่งเสริมการวิจัย จัดสรร ผลิตวัคซีน

คำถามคือรัฐบาลจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนเฉลี่ยเดือนละ 8 ล้านคนได้อย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน