คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

จากคำอธิบายของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระดับสูง ว่าเหตุใดไทยจึงเพิ่งตัดสินใจจะเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์สำหรับจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ได้คำตอบที่เผยถึงอุปสรรคสำคัญ 3 ด้าน

หนึ่ง ไทยติดกับตัวเองที่เป็นประเทศที่มีรายได้ระดับกลาง

สอง ไทยติดกับคำชมจากประเทศอื่น รวมถึงจากองค์การอนามัยโลก ว่าบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

สาม ไทยติดกับความไม่รู้ จึงประเมินสถานการณ์ไม่ถูก ไม่ว่าเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ ระบบราชการที่เต็มไปด้วยขั้นตอน หรือความพยายามในการหาวัคซีน

ที่สำคัญคือไม่รู้กระแสความรู้สึกนึกคิดของประชาชน

ความพยายามที่จะตักเตือน ข่ม หรือสั่งฟ้องผู้แสดงความเห็นตำหนิรัฐบาล เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนว่า รัฐบาลกำลังติดกับตนเอง

กับดักดังกล่าวคือความพยายามที่จะปกป้องตนเองจากสถานการณ์โรคระบาดที่ขยายผล กระทบออกไปเรื่อยๆ

เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุข หลายโรงพยาบาลมีจำนวนคนไข้ล้น บุคลากรการแพทย์เหนื่อยล้า และมีผู้เสียชีวิตในบ้านและริมถนนกันมากยิ่งขึ้น

สถานการณ์ที่ระบบสาธารณสุขล่มเคยเกิดกับประเทศตะวันตกมาแล้วในช่วงเริ่มต้นการระบาด และมีสาเหตุจากความไม่รู้เช่นกัน

ความไม่รู้ตอนนั้นคือไม่รู้ถึงฤทธิ์เดชของโรคโควิด-19 แต่ที่เกิดขณะนี้คือ ไม่รู้จักป้องกันความเสียหาย

นับเฉพาะเรื่องที่ประเทศไทยไม่ร่วมเข้า โครงการโคแวกซ์ตั้งแต่แรก หน่วยราชการของรัฐอธิบายว่า เพราะว่าต้องจ่ายเงิน เนื่องจากไทยอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้ฟรี อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะได้วัคซีนเมื่อใด

กระทั่งล่าสุด โคแวกซ์ส่งมอบวัคซีน 136 ล้านโดส ไป 136 ประเทศ โดยเฉลี่ยประเทศละไม่เกิน 1 ล้านโดสเท่านั้น

จึงสรุปเอาว่า การที่รัฐบาลไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ทีแรก ไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

แต่ที่จะเข้าร่วมโครงการตอนนี้เพื่อจะบริหารความเสี่ยงสำหรับอนาคตในปีหน้า เพราะเชื่อว่าอาจจะมีการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์อื่นอีก ทำให้วัคซีนไล่ตามไม่ทัน

หากหน่วยงานรัฐคิดเช่นนี้ต่อไปเพื่อความสบายใจ สิ่งที่จะไล่ตามไม่ทันยิ่งกว่าวัคซีน คือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน