สถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน กระจายครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ยังคงมีฝนต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า

ส่งผลให้หลายจังหวัดต้องเผชิญภาวะน้ำท่วม บ้านเรือน ทรัพย์สิน เส้นทางคมนาคม วัด โรงเรียน สถานที่ราชการเสียหาย รวมถึงสัตว์เลี้ยง และพืชผลทางการเกษตรจำนวนมากด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางเรื่อยลงมาถึงกรุงเทพมหานคร เกิดน้ำท่วมขังสะสมเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากต้องรับน้ำจากภาคเหนือ เป็นเส้นทางน้ำผ่านไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทย

แม้เป็นภัยธรรมชาติซ้ำซากที่ต้องเผชิญทุกปี แต่ก็สามารถบริหารจัดการได้ เพื่อให้สถานการณ์ทุเลาบรรเทาจากหนักเป็นเบาได้

สำหรับการแก้ปัญหาและบริหารจัดการปัญหาน้ำนั้น มีหน่วยงานราชการเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วย

แต่การป้องกันและแก้ปัญหาที่ผ่านมาๆ ส่วนใหญ่เป็นลักษณะต่างคนต่างหน่วยงานทำกันเองเสียมากกว่า เน้นหนักไปที่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เป็นครั้งคราวไป ขาดการบูรณาการเท่าที่ควร

เช่นกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ บ้านเรือนอาคารจำนวนมาก มีการก่อสร้างมากมาย ขวางเส้นทางน้ำไหล ไม่ว่าจะได้ผู้ว่าราชการเก่งและขยันขนาดไหน ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาได้เพียงลำพัง

การจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากจังหวัดเส้นทางน้ำผ่าน หรือจังหวัดรอบข้างด้วยเช่นกัน เพราะพื้นที่ติดต่อกัน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับรัฐบาลที่ต้องวางโครงการใหญ่แก้แบบระยะยาว ไม่ใช่ปีต่อปีดังที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้








Advertisement

หลังน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศเมื่อปี 2554 รัฐบาลขณะนั้นจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำ กำหนดงบประมาณไว้ 3.5 แสนล้านบาท เป็นโครงการแก้น้ำท่วมและน้ำแล้งครั้งใหญ่ระดับประเทศที่ไม่เคยมีมาก่อน

แต่ด้วยเป็นโครงการใหญ่ใช้งบประมาณมหาศาล จึงถูกตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกนำมาโจมตีทางการเมือง ในที่สุดโครงการถูกล้มไปโดยคณะรัฐประหาร 2557

นับตั้งแต่รัฐบาลทหารที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลเลือกตั้งผ่านกลไกสืบทอดอำนาจ การแก้ปัญหาน้ำท่วมยังใช้กลไกราชการปกติบริหารจัดการ

จนผ่านมาแล้ว 8 ปี ก็ยังไม่มีวิสัยทัศน์ หรืออะไรใหม่ๆ ที่ทัดเทียม หรือเหนือกว่าโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านที่ล้มเลิกไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน