รัฐบาลเปิดเผยความคืบหน้าการใช้จ่ายภายใต้โครงการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมีผู้ใช้สิทธิ์สะสม รวม 38.22 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม รวม 40,053.9 ล้านบาท
จากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 24.02 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสม 34,638.7 ล้านบาท โดยเป็นยอดการใช้จ่ายที่มากที่สุด
โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 จำนวน 5,039.5 ล้านบาท และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 จำนวน 375.7 ล้านบาท
เป็นที่น่าสังเกตว่ายอดเงินรวมจำนวนทั้งหมดนี้ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้จริงหรือไม่
นอกจากนี้ การเปิดรับลงทะเบียนโครงการการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2565 นั้น
ปรากฏว่ามีผู้ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 21,526,830 ราย โดยลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนจำนวน 11,673,312 ราย และลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ จำนวน 9,853,518 ราย
เปิดให้ประชาชนที่มีคุณสมบัติและสนใจเข้าร่วมโครงการ ลงทะเบียนไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ และประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติและยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติในเดือนมกราคม 2566
แต่ปรากฏว่ามีคนที่เคยได้สิทธิ์กลับถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากคุณสมบัติไม่ผ่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐจะต้องเข้าไปดูแลว่ามาจากสาเหตุใด
ในช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาอุทกภัยอย่างหนักในหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะบริเวณลุ่มน้ำภาคกลางตอนล่าง และภาคอีสานในเขตลุ่มน้ำชีมูล
ทำให้พืชผลการเกษตร เรือกสวน นาข้าว และปศุสัตว์ จมน้ำได้รับความเสียหายจำนวนมหาศาล มีประชาชนเกือบ 1 แสนครัวเรือนได้รับผลกระทบ
ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเตรียมการเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมดให้รวดเร็ว ทันท่วงที และทั่วถึงอย่างเหมาะสม
ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้มาจากภัยธรรมชาติก็จริง แต่ส่วนสำคัญก็มาจากการบริหารจัดการน้ำที่ไม่ได้วางแผนตลอดระยะ 8 ปีของรัฐบาล รวมถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการดูแลประชาชน