บทบรรณาธิการ
ขบวนพาเหรดล้อเลียนการเมืองของนิสิตนักศึกษาในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ที่สนามศุภชลาศัย ผ่านพ้นไปหลังการจับตาอย่างเข้มข้นจากหลายฝ่าย
อย่างน้อยคือจากทั้งภาครัฐและภาคประชาชน
เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ทิ้งช่วงห่างไม่นานจากกิจกรรมของนักศึกษาและนักกิจกรรม 7 คนที่จัดกิจกรรม “นัดรวมพลประชาชนอยากเลือกตั้ง แสดงพลังต้านสืบทอดอำนาจ คสช.” ที่สกายวอล์ก ย่านปทุมวัน กรุงเทพฯ ลงเอยด้วยการถูกดำเนินคดี
อันสะท้อนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกที่ยังติดขัดอยู่ในภาวะไม่ปกติ และห่างไกลจากบรรยากาศของการฟื้นฟูประชาธิปไตย
ความไม่ปกติดังกล่าวสะท้อนผ่านกรณีที่ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้องออกมายืนกรานว่า ไม่มีการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา และไม่มีการหารือระหว่างฝ่ายความมั่นคงกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ขณะที่จุฬาฯ ต้องประกาศหลักปฏิบัติในการร่วมงานบอลประเพณี โดยมีข้อหนึ่งระบุว่า ต้องเชื่อฟังคำสั่ง คำแนะนำและตักเตือนของคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่มหาวิทยาลัยมอบหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนคสช.ต้องขอความร่วมมือ ด้วยความเกรงกลัวกิจกรรมนี้ว่าอาจขยายผลสู่ความขัดแย้ง
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้จะไม่จำเป็น ต้องมีหรือต้องขอความร่วมมือเลย หากประเทศอยู่ในช่วงเวลาปกติ
สิ่งที่จะสะท้อนได้ว่า ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติและมีประชาธิปไตยแล้วก็คือการที่ผู้นำและคณะบริหารถูกล้อเลียนได้ และถูกทวงถามสัญญาได้
เพราะถึงอย่างไรผู้ที่มาจากประชาชนต้องรับฟังเสียงของประชาชนเสมอไม่ว่าชื่นชมหรือติติง
อีกทั้งการใช้กฎหมายเพื่อควบคุมหรือเข้มงวดกับการแสดงออกของประชาชนจะไม่เกิดได้ง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อกิจกรรมนั้นๆ ยังคงดำเนินไปอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ
แม้ว่าช่วงเวลานี้ประเทศยังไม่เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง เนื่องจากต้องขยับเวลาออกไป
หากเปิดใจให้กว้าง ไม่อ้างความขัดแย้งมาควบคุมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจนเกินไป ก็จะช่วยบรรเทาความไม่ปกติลงได้บ้าง