FootNote : “อารมณ์” ทางการเมืองไม่เปลี่ยน ดำรงอยู่เหมือน “ก่อน” การเลือกตั้ง
ในห้วงที่พรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในลักษณะตั้งรับในทางการเมือง
การรุกกลับปรากฏภายในพันธมิตรแห่งแนวร่วม “ประชาธิปไตย” อย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ภาพที่อยู่เบื้องหลังการลงนาม MOU ได้รับการเปิดเผย แม้มิได้มีการระบุลงไปว่ามีพรรคการเมืองใดกดดันต่อพรรคก้าวไกลในห้วงแห่งหน้าสิ่วหน้าขวานก่อนถึงกำหนดการแถลงในเวลา 16.30 น.ของวันที่ 22 พฤษภาคม
กระนั้น ภายในกระบวนการขัดแย้งอันตามมาเมื่อมีข้อเสนอในเรื่องการลงนามใน MOU advance ก็มีปฏิบัติการเปิดโปงจนเห็นแต่ละภาพได้ชัดเจน
ยิ่งเมื่อมีการออกโรงอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการจากภายในของพรรคเพื่อไทยแสดงความต้องการจะได้ตำแหน่งประธานสภา ยิ่งทำให้มองเห็นเค้าแห่งปัญหา
ถามว่าเบื้องหน้าความร้อนแรงของสถานการณ์เช่นนี้ท่าทีของพรรคก้าวไกลเป็นอย่างไร
คำตอบก็คือ จำเป็นต้อง “ถอย” แต่ไม่ยอมถอย “ร่น”
ถามว่าเหตุใดรายละเอียดจาก “ข้อตกลงร่วม” เบื้องต้นจึงได้รับการปล่อยออกมาทั้งๆที่ยังมีคำว่า Confidencial ประทับอยู่อย่างโต้งโต้ง
นั่นย่อมเป็นไปตามความคาดหมายเอาไว้ล่วงหน้าแล้วของ พรรคก้าวไกล เป็นการเตรียมรับมือกับการลงตามวินาทีสุดท้าย
ภายในกระบวนการ “ถอย” ยืนยันว่ามิใช่ “ยะย่ายพ่ายจะแจ”
อย่างน้อยภาพการแบ่งสันปันส่วนกระทรวงที่ปรากฏมาโดยพื้นฐานเด่นชัดอย่างยิ่งว่ากระทรวงที่เรียกว่าเกรด A จะอยู่ในการ ยึดครองของพรรคการเมืองใด
พลันที่มีการโจมตีว่าพรรคก้าวไกล “กินรวบ” ภาพของกระทรวงเหล่านั้นก็ปรากฏออกมา พลันที่มีการรุกไล่จากฝ่ายที่ต้องการตำแหน่งประธานสภาสังคมก็เกิดอาการประจักษ์
แท้จริงแล้ว พรรคก้าวไกลถอยในลักษณะ “ยุทธศาสตร์” ลักษณ์แห่งความเขี้ยวในทางการเมืองฉายออกมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องทำให้สถานการณ์ยังทรงอยู่ในสภาพแทบไม่ต่างไปจาก “ก่อน” การเลือกตั้ง
ความหวาดระแวงกลายเป็น “อาการ” ถาวรในทางสังคม
ท่ามกลางคำประกาศที่จะร่วมกันเดินหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลางคำประกาศที่จะหนุนพรรคก้าวไกล หนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
กระนั้น สังคมก็ยังมี “คำถาม” พุ่งตรงไปยัง “ความชัดเจน” เหมือนกับ “ก่อน” วันที่ 14 พฤษภาคม