วันจันทร์ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันแรกการเริ่มมาตรการวีซ่าฟรี ยกเว้นการขอวีซ่า หรือเดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นการชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน จากนี้ไปจนถึงวันที่ 29 ก.พ. 2567 รวมระยะเวลา 5 เดือน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเดินทางไปร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกภายใต้มาตรการวีซ่าฟรี ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยตัวเองในวันดังกล่าว ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ามาตรการวีซ่าฟรีจะกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางเข้าไทย 4.01-4.4 ล้านคนในปี 2566 ผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีน สู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท
ในช่วง 5 เดือนคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 62 เทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด
การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น และสร้างงานให้ประชาชนจำนวนมาก
รัฐบาลตั้งเป้าเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวด้วยการอำนวยความสะดวก ปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศเป้าหมาย
จัดทำ ฟาสต์แทร็ก วีซ่า หรือการขอยื่นพิจารณาวีซ่าแบบเร่งด่วน สำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE) และเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวช่วงสิ้นปี
รัฐบาลจะร่วมกับภาคธุรกิจทุกภาคส่วนเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้า งานเทศกาลระดับโลก เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นสถานที่สำหรับการจัดงานแสดงต่างๆ ที่สำคัญในภูมิภาค
รัฐบาลยังจะผลักดันการพัฒนาการบริหารจัดการทุกขั้นตอนการบริการที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย ปรับปรุงระบบคมนาคมทั้งทางบก น้ำ อากาศ ปรับปรุงสนามบิน และจัดการเที่ยวบินให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มปริมาณเที่ยวบินให้สามารถนำนักท่องเที่ยวมาสู่ประเทศไทยได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ตลอดจนประชาชนไทยในฐานะเจ้าของบ้านวิตกกังวลและเป็นห่วง ซึ่งรัฐบาลเองก็ตระหนักดีว่านอกจากการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว
การแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การขจัดการเอารัดเอาเปรียบ การดูแลรักษาความปลอดภัย เหล่านี้ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจังให้เห็นเป็นรูปธรรม
เพราะการทำให้นักท่องเที่ยวปลอดภัยในทุกสถานที่ ทุกเวลาที่อยู่ในไทย ไม่เฉพาะจีน แต่หมายถึงจากทุกประเทศ จะสร้างความมั่นใจและประทับใจให้กับประเทศไทยในระยะยาว