FootNote : มอง “ประชามติ” รัฐธรรมนูญ ผ่านชาติไทยพัฒนา เพื่อไทย
บทบาทของ นายนิกร จำนง กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง ต่อกระบวนการขับเคลื่อนในเรื่อง “ประชามติ” และการจัดทำ “รัฐธรรมนูญ” ใหม่
ไม่ว่าเมื่อได้เป็น “โฆษก” ของคณะกรรมการ ไม่ว่าเมื่อได้เป็นประธาน “อนุกรรมการ” เพื่อนำไปสู่การทำ “ประชามติ”
ทั้งๆ ที่มาจากพรรคชาติไทยพัฒนา มีสส.เพียง 10 คน
ขณะเดียวกัน คนที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงทางการเมือง และรู้เรื่องอันเกี่ยวกับการผลักดันในเรื่อง “รัฐธรรมนูญ” ก็จะเข้าใจว่าทำไมจึงให้บทบาทแก่พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นอย่างสูง
นี่ย่อมเป็นฐานข้อมูลอันหนักแน่นและมั่นคงอย่างเป็นพิเศษของพรรคเพื่อไทย ซึ่งดำรงอยู่ในลักษณาการแห่ง “อวตาร” ของพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย
1 เพราะสายสัมพันธ์นี้ต่อเนื่องและยาวนานระหว่างพรรคไทยรักไทยกับพรรคชาติไทย 1 เพราะความผูกพันอย่างเป็นการ ส่วนตัวระหว่าง นายบรรหาร ศิลปอาชา กับพรรคเพื่อไทย
และ 1 เพราะบทบาทของ นายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทย ที่เคยมีกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
คุณูปการนี้จึงตกมาถึงพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง
ต้องยอมรับว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย มีความจัดเจนเป็นอย่างสูง ในการทำงานการเมืองอย่างที่เรียกว่าสร้างสายสัมพันธ์ หรือที่เรียกเป็นศัพท์ในทางรัฐศาสตร์ว่าสร้าง “แนวร่วม”
ไม่ว่าจะแสดงบทบาทเมื่อสังกัด “พรรคจุฬาประชาชน” ไม่ว่าจะเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับ “พรรคคอมมิวนิสต์”
ยิ่งเมื่อทิ้งหนทางการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตป่าเขา เข้ามาอยู่ในสถานะแห่ง “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” ก็ยังทำงานในการจัดตั้งทางสังคมอย่างที่เรียกว่า “องค์กรพัฒนาภาคเอกชน”
ความจัดเจนนี้ทำให้ไม่เพียงแต่เรียนรู้กระบวนการในทางการเมือง หากแต่ยังยึดกุมหลักการในการสร้างพันธมิตรแห่งแนวร่วมขึ้นมาอย่างเป็นจริง
การให้บทบาทเป็นอย่างสูงแก่พรรคชาติไทยพัฒนา การมอบหมายงานใหญ่ให้ นายนิกร จำนง จึงเป็นไปเพื่อเป้าหมายนี้
ต้องยอมรับว่าบทบาทของพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นบทบาทแห่งการประสานแนวทางนี้เมื่อ นายนิกร จำนง เข้าทำงานใกล้ชิดกับ นายบรรหาร ศิลปอาชา ก็ยึดกุมมาอย่างมีกัมมันยอมรับทั้งของ นายวราวุธ ศิลปอาชา และแวดวงการเมือง
ความไว้วางใจอันได้จากรัฐบาล อันได้จากพรรคเพื่อไทย อันได้จาก นายภูมิธรรม เวชยชัย จึงเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมยิ่งสำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา สำหรับ นายนิกร จำนง
และรวมถึงโอกาสแห่งการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ให้อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงด้วย
