ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อรับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5

ให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะกรรมการ คำสั่งดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหมอกควันฝุ่นพิษ

ปัญหานี้เกิดขึ้นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ปลายปีไปจนถึงเกือบกลางปีถัดไป หรือช่วงฤดูหนาวต่อเนื่องฤดูร้อน สภาพอากาศแห้งแล้งทำให้เกิดไฟป่าตามธรรมชาติ การเผาไหม้จากฝีมือมนุษย์เพื่อตระเตรียมพื้นที่เพาะปลูก และควันจากท่อไอเสียรถยนต์

นอกจากปัญหาต่อทัศนวิสัยการมองเห็นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และนับว่ายิ่งรุนแรง

ก่อนหน้านี้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์เฝ้าระวังและประสานงานด้านการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก และซักซ้อมความพร้อมปฏิบัติการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

เนื่องจากคาดการณ์ว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งกินระยะเวลาหลายเดือน ปัญหาหมอกควันและฝุ่นพิษจะสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะพื้นที่กทม. ปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

จึงให้เร่งเฝ้าระวังสถานการณ์ สื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์ การป้องกันตนเอง โดยเฉพาะในสถานที่สำคัญที่มีกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ

รวมถึงผู้ทำงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจจราจร ผู้ค้าริมถนน พนักงานกวาดถนน คนขับรถรับจ้าง พนักงานส่งอาหาร และผู้ออกกำลังกายกลางแจ้ง เป็นต้น

สถานการณ์หมอกควันฝุ่นพิษเมื่อฤดูกาลก่อน เชื่อว่าทั่วทั้งสังคมตระหนักรับทราบกันดี เพราะประสบปัญหานี้รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในกทม. ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

โดยเฉพาะภาคเหนือนั้น นอกจากไฟป่าลุกลามรุนแรงแล้ว ยังผจญกับการเผาเพื่อตระเตรียมพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตร ทั้งรายย่อย และกลุ่มทุนการเกษตรรายใหญ่ข้ามชาติ

ขณะที่การป้องกันและแก้ปัญหาของรัฐบาลสมัยนั้นไม่ทันท่วงที ไม่วางแผนแต่เนิ่นๆ การประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านทำได้ไม่ดีพอ ใช้เวลานานกว่าปัญหาจะทุเลาบรรเทา

หวังว่ารัฐบาลปัจจุบันคงตระหนักและถอดบทเรียนมาเป็นอย่างดี ยกระดับการแก้ปัญหาหมอกควันฝุ่นพิษให้ดีกว่ายุคก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน