นายกรัฐมนตรีนัดแถลงมาตรการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนทั้งระบบโดยรวมทั้งหมด ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ โดยเริ่มที่หนี้นอกระบบก่อน
สำหรับหนี้ในระบบซึ่งถือเป็นหนี้สินขนาดใหญ่ จะนัดแถลงให้ทราบในวันที่ 12 ธันวาคม โดยจะแจกแจงวิธีการให้ครบทั้งแพ็กเกจ ซึ่งต้องติดตามต่อไป
ปัจจุบันประชาชนทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหนี้นอกระบบที่เจ้าหนี้เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยอย่างไม่เป็นธรรม
บางครั้งนำไปสู่การกระทำผิดกฎหมาย ทั้งส่งบุคคลไปข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายร่างกายผู้กู้ และบางกรณีก็นำไปสู่การก่ออาชญากรรมในรูปแบบอื่นๆ ตามมา
หนี้นอกระบบ เป็นหนี้สินที่เกิดจากการกู้เงินโดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน จนกลายเป็นหนี้สินติดตัวพอกพูนจำนวนมากขึ้น แบ่งเป็นหนี้ระยะสั้นหรือหนี้รายวัน
มีหลายรูปแบบ เช่น เงินสด ทอง หรือสินค้าอื่นๆ ที่เก็บเงินดอกเบี้ยรายวัน โดยบวกทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไว้ด้วยกัน ซึ่งมักเรียกเก็บในอัตราที่สูง
หนี้ระยะยาว ปล่อยกู้มากกว่า 1 เดือนขึ้นไป เจ้าหนี้จะเก็บดอกเบี้ยรายเดือนจนกว่าจะมีเงินต้นมาใช้คืน บางรายหากกู้เป็นจำนวนมากจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วย
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สำรวจสถานการณ์หนี้ครัวเรือนปี 2566 พบว่าคนไทยมีหนี้เฉลี่ย 559,400 บาทต่อครัวเรือน หนี้ในระบบ 80.2% และอีก 19.8% เป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งน่าวิตกกังวล
น่ายินดีและสนับสนุน ที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้สินครั้งใหญ่ โดยยกให้เป็นวาระแห่งชาติ แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลในอดีตก็เคยดำเนินการมาบ้าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบนั้น ต้องอาศัยหลายหน่วยงานร่วมบูรณาการอย่างเป็นเอกภาพ ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และอื่นๆ
ส่วนหนึ่งก็คือการนำเจ้าหนี้เหล่านี้ให้มาอยู่ในความควบคุม ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นธรรม เพื่อไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอารัดเอาเปรียบจนล้นเกิน
ดังนั้น ในวันที่นายกรัฐมนตรีนัดแถลงแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของประชาชนครั้งนี้ จึงน่าติดตามว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการใดบ้างในการดำเนินการกับเจ้าหนี้และจะมีวิธีช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อให้หลุดพ้นจากวังวนนี้อย่างไร