นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภัยคุกคามประชาชนอย่างหนักในขณะนี้

เบื้องต้นกำหนด 4 มาตรการ คือ 1.ศูนย์ฮอตไลน์รับแจ้งความและเบาะแส 2.บังคับใช้พ.ร.บ.การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลรั่วไหล มีผู้ลักลอบนำไปขายให้กลุ่มมิจฉาชีพ

3.หารือผู้ให้บริการเครือข่ายการสื่อสาร เกี่ยวกับการใช้ซิมม้า ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ถือครองไม่ใช่เจ้าของตัวจริง แล้วนำไปใช้ทำความผิด โดยจะทำอย่างไรเพื่อตรวจจับและตรวจสอบได้

สุดท้ายให้ผู้ครอบครองซิมการ์ดตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ต้องลงทะเบียนแจ้งการครอบครองใน 30 วัน หากไม่ก็จะระงับการให้บริการ

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นภัยคุกคามชีวิตของประชาชนอย่างหนักในขณะนี้ และนับวันยิ่งรุนแรง อีกทั้งพฤติกรรมก่อเหตุก็แยบยลมากขึ้น

เช่น โทรศัพท์แอบอ้างเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานต่างๆ เพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนบุคคล ให้ทำธุรกรรมทางการเงิน ส่งข้อความล่อลวงให้กดลิงก์ หรือลงทะเบียนแอพพลิเคชั่นปลอม และอีกสารพัดวิธี

ปัจจุบันมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก บางรายสูญเสียเงินหลายล้านบาท ที่สำคัญเป็นภัยที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้กระทั่งอยู่ในบ้าน เพราะแทบทุกคนล้วนมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดตัวตลอดในโลกสมัยใหม่

ไม่เว้นแม้บุคคลระดับนายกรัฐมนตรี ก็เคยถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์และส่งข้อความถึง

สำหรับการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลฯ นั้น นอกจาก 4 มาตรการข้างต้นแล้ว กระทรวงดิจิทัลฯ เตรียมเสนอแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ

พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขณะนี้รอเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกา

การป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลฯ เป็นภาระและความรับผิดชอบอันสำคัญหนึ่งของรัฐบาล มีหลายหน่วยงานรัฐและเอกชนเกี่ยวข้อง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องประสานความร่วมมือให้เกิดขึ้นได้

ที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะในขณะที่รัฐพยายามป้องกันปราบปราม กลุ่มมิจฉาชีพก็พยายามหาวิธีก่อเหตุให้แยบยลแนบเนียนยิ่งขึ้นเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน