FootNote จากกรณี PISA ถึง หมูเถื่อน ทำไมจึงต้อง “พัฒนา” ร่วมกัน

ไม่ว่าผลคะแนนจากการประเมินของ PISA ไม่ว่าเงาสะท้อนจากการล่วงละเมิดทางเพศที่พัทยา ไม่ว่าการรุกเข้าไปตรวจค้นหมูเถื่อนจากแหลมฉบังไปยังนครปฐม

เหมือนกับจะเป็นคนละเรื่อง เป็นคนละกรณี อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ

นั่นก็คือ เรื่องของ PISA สัมพันธ์กับกระทรวงศึกษาธิการ นั่นก็คือ เรื่องของพัทยาสัมพันธ์อยู่กับแต่ละสายธารแห่งกระบวน การยุติธรรม จากตำรวจถึงอัยการและศาล

ขณะที่เรื่องของหมูเถื่อนมีจุดเริ่มต้นจากสถานการณ์โรคระบาดโดยเฉพาะโควิด แต่ก็โยงยาวไปถึงกระบวนการทำงานของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม

ยิ่งหากโยงยาวไปยังรากฐานก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ยึดโยงอยู่กับอดีตในห้วง 20 ปีของการสอบ PISA ในรอบ 5 ปีของการจับกุมชาวเยอรมัน และการจับกุมหมูในตู้คอนเทนเนอร์

นั่นก็คือ เป็นเรื่องที่ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารไม่ว่าเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าเดือนพฤษภาคม 2557

เพียงแต่เป็น “เผือกร้อน” อันอยู่ในมือ “รัฐบาล” ปัจจุบัน

หากจับปฏิกิริยาอันเท่ากับเป็นเงาสะท้อนแห่งความรู้สึกร่วมของสังคม ก็ต้องยอมรับว่าไม่ว่าเรื่อง PISA ไม่ว่าเรื่องการละเมิดทาง เพศ ไม่ว่าเรื่องของหมูเถื่อน

ที่สามารถทำได้เฉพาะหน้าคือความเข้มในการทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ปฏิบัติได้จริงและเที่ยงธรรม

แต่หากสอบค้นถึงแต่ละปัญหาอย่างจริงจังก็ต้องยอมรับอีก เหมือนกันว่า ทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขปัญหาในลักษณะประแป้งแต่งตัวได้อย่างเด็ดขาด

ภาพสะท้อนจากการปฏิบัติตามกฎหมายของเยอรมนีเห็นได้ อย่างเด่นชัด ภาพสะท้อนจากความจำเป็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจักต้องเดินหน้าไม่อาจสกัดขัดขวางได้

ยิ่งกว่านั้น ยิ่งมีการศึกษาและทำความเข้าใจต่อลักษณะถดถอยแห่งคะแนน PISA ยิ่งเรียกร้องลงลึกไปถึงโครงสร้าง

การแก้ปัญหาต่อแต่ละปัญหามีความสำคัญและจำเป็นต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม

แต่เมื่อเป็นเรื่อง “โครงสร้าง” ก็เท่ากับเป็นสัญญาณเตือน เตือนกระทรวงศึกษาธิการ เตือนกระทรวงการคลัง เตือนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตือนกระทรวงยุติธรรม เตือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นี่ย่อมเป็นเรื่องที่จะต้อง “พัฒนาร่วมกัน” อย่างมี “บูรณาการ” แม้ว่าจะใกล้เคียงกับ “การปฏิรูป” อย่างยิ่งก็จำเป็น จำเป็นต่อ “รัฐบาล” จำเป็นต่อ “พรรคการเมือง” ร่วมรัฐบาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน