กรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติยอดรวมสะสม 5 วัน ระหว่างการควบคุมเข้มงวดวินัยจราจร วันที่ 29 ธันวาคม 2566 – 2 มกราคม 2567 ว่ามี 5,321 คดี ขับรถขณะเมาสุรา 5,195 คดี ขับรถประมาท 3 คดี และเสพยาเสพติดแล้วขับ 123 คดี

จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 314 คดี หนองคาย จำนวน 273 คดี และสมุทรปราการ จำนวน 252 คดี

เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่การคุมประพฤติในวันที่สี่ช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ.2566 กับพ.ศ.2567 พบว่าคดีขับรถขณะเมาสุราปีพ.ศ.2566 มี 4,613 คดี และปีพ.ศ.2567 มี 5,195 คดี เพิ่มขึ้นถึง 497 คดี

ที่น่าเป็นห่วงคือ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งร่วมบูรณาการในการรณรงค์ครั้งนี้ด้วย ตรวจพบว่ามีเยาวชนอายุ 20 ปีลงไปเมาสุราแล้วขับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งต้องขยายผลเอาผิดร้านค้าที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้นตอด้วย

ขณะที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสมช่วง 5 วันการรณรงค์ ตั้งวันที่ 29 ธันวาคม 2566 -2 มกราคม 2567 เช่นกัน

สรุปเกิดอุบัติเหตุรวม 1,839 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 1,860 คน ผู้เสียชีวิต 212 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย มี 17 จังหวัด

สาเหตุอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 40.6 ตัดหน้ากระชั้นชิด 23.31 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 14.29

แต่ลดลงมาก เมื่อสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 ที่รณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” พบว่าเกิดอุบัติเหตุรวม 2,440 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,437 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 317 ราย

แม้ภาพรวมแล้วสถิติการเกิดอุบัติเหตุทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตลดลง จากการเข้มงวดกวดขันด้านวินัยจราจร และความร่วมมือเป็นอย่างดีของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนช่วยป้องกันไม่เกิดความสูญเสีย

แต่จากสถิติปีนี้พบว่าจากการขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด และรถจักรยานยนต์มากที่สุด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตและบาดเจ็บมากกว่าดื่มเมาแล้วขับเพิ่มขึ้น

ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จักต้องนำไปถอดบทเรียนเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำหรือเกิดขึ้นให้น้อยที่สุดต่อไป โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายนที่จะถึงนี้

ที่น่าสนใจคือสถิติเมาแล้วขับแล้วเกิดอุบัติเหตุในกลุ่มเยาวชนเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ จึงสมควรที่ทุกหน่วยจะร่วมกันบูรณาการ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขในช่วงดังกล่าวด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน