FootNote:ร่างแก้ รัฐธรรมนูญ เพื่อไทย ยึดกุม อาณัติ จากประชาชน
การเคลื่อนไหวของ 122 สส.พรรคเพื่อไทย ที่นำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ในการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเน้นไปที่การแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 มากด้วยความแหลมคม
ถามว่าเหตุใดจึงเกิดการขานรับอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะมาจาก พรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะมาจากภาคประชาสังคม
การเสนอแก้ไขในแบบนี้ของพรรคเพื่อไทยมิได้เป็นเรื่องใหม่
ตรงกันข้ามในยุคที่พรรคเพื่อไทยยังเป็นฝ่ายค้านได้เคยเป็น กองหน้าในการนำเสนอต่อรัฐสภามาแล้ว และได้รับความเห็นชอบให้ผ่านวาระ 1 ได้อย่างงดงาม
หากไม่ถก “ต้าน” จากบางพรรคการเมืองของรัฐบาล หากไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อ “ขวาง” จากสมาชิกวุฒิสภา คงไม่ถูกตีตกไปแม้จะเข้าสู่ขั้นกรรมาธิการมาแล้ว
จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกที่จะมีการขานรับอย่างอบอุ่นจากพรรคก้าวไกล ประสานกับการขานรับอย่างชื่นชมจากภาคประชาสังคม
เป็นไปได้ที่ร่างของพรรคเพื่อไทยร่างนี้จะไม่โดดเดี่ยว หากจะถูกแวดล้อมโดยร่างพรรคก้าวไกลและร่างภาคประชาสังคม
นี่เป็นอีกมิติหนึ่งที่จะพิสูจน์พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล
ต้องยอมรับว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่ผลักดันโดย 122 สส.พรรคเพื่อไทยเท่ากับเป็นการหาทางออกไม่เพียงแต่ในประเด็นประชามติ หากแต่ในประเด็นของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
อย่างน้อยก็สะท้อนความต้องการในการลดทอนประชามติให้มีเพียง 2 ครั้งแทนที่จะเป็น 3 ครั้ง
อย่างน้อยก็ลดทอนความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงการลงประชามติอย่างที่คณะกรรมการที่จัดตั้งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีอันเนื่อง จากคำถามอันยอกย้อนของประชามติ
เมื่อมีการยืนยันจากแหล่งข่าวภายในรัฐบาลและภายในพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจนว่า ทุกก้าวย่างในการนำเสนอผ่านความเห็นชอบร่วมกันมาแล้วอย่างสมบูรณ์
จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีจากการถอย 1 ก้าวของพรรคเพื่อไทยเพื่อสร้างโอกาสในการทะยานไปข้างหน้าต่อรัฐธรรมนูญ
เพียงแต่ว่าจะตีฝ่าด่านจากพลังแห่ง “อำนาจเก่า” ได้อย่างไร
ร่องรอยแห่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมผ่านมาตรา 256 ของพรรคเพื่อไทยคือเงาสะท้อนแห่งการย้อนกลับสู่ความเป็นจริง
ความเป็นจริงจาก “อาณัติ” ประชาชนผ่าน “การเลือกตั้ง”
นั่นก็คือ การลงคะแนนเสียงของประชาชนให้พรรคก้าวไกลกว่า 14 ล้านเสียง การลงคะแนนเสียงของประชาชนให้พรรคเพื่อไทยกว่า 10 ล้านเสียง มีเจตจำนงอย่างไรทางการเมือง
อาณัตินี้สามารถกระตุกจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตย ให้คืนสู่พรรคเพื่อไทยได้อย่างองอาจสง่างาม