สส.จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเครือข่ายภาคประชาสังคม มีความกังวลห่วงใยกรณีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงดำเนินคดีนักกิจกรรม 9 คนที่จ.ปัตตานี
โดยกล่าวหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน และเป็นอั้งยี่ซ่องโจร
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีการรวมตัว ทำกิจกรรม พร้อมกับนำธงสัญลักษณ์มาร่วมด้วย ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่มองเป็นกิจกรรมแอบแฝง ใช้ถ้อยคำปลุกระดม ขณะที่ฝ่ายกิจกรรมยืนยันไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา
จากนั้นนำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เพื่อพิจารณาศึกษา และเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร
ต่อกรณีนี้ กมธ.เชิญผู้ร้องและหน่วยงานความมั่นคงเข้าชี้แจง โดยเห็นว่าภายใต้บรรยากาศขณะนี้ การดำเนินคดีกับนักกิจกรรมที่ทำกิจกรรม โดยสันติวิธี อาจจะทำให้เสียบรรยากาศต่อกระบวนการการสร้างสันติภาพ
กมธ.ระบุว่าการส่งเสริมให้มีพื้นที่ทางการเมือง การสร้างบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ที่มีความเห็นตรงและต่างจากรัฐบาล ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสงบ
การแก้ปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากดำเนินการในทางตรงกันข้ามจะกลายเป็นเงื่อนไขให้เกิดความไม่สงบ หรือบีบคั้นให้กลายเป็นความรุนแรงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดเลย
ที่สำคัญจะเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสร้างสันติภาพ
นับตั้งแต่รัฐบาลปัจจุบัน นำโดยพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำหลักเข้ามาบริหารประเทศ ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้
เริ่มตั้งแต่การจัดวางบุคคลเป็นรัฐมนตรี การแต่งตั้งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ตลอดจนการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยที่เป็นพลเรือน ไม่ใช่ทหารเหมือนที่ผ่านมา
ประการสำคัญผู้นำรัฐบาลยังติดต่อพูดคุยกับผู้นำมาเลเซียอย่างใกล้ชิด จนนำมาสู่การที่ผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยฝ่ายมาเลเซียเดินทางมาหารือกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องฝ่ายไทย
ดังนั้น การดำเนินคดีนักกิจกรรม จึงไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศการสร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้