ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีสส.พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเสนอขอเปลี่ยนวาระการประชุม โดยขอให้นำญัตติเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ขึ้นมาพิจารณาในวันที่ 1 ก.พ.2567
โดยระบุถึงเหตุผลและความจำเป็นว่า เนื่องจากขณะนี้หลายฝ่ายให้ความสนใจ ไม่ว่าจะในสภา นอกสภา หรือภาคประชาชน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในหลายประเด็น
ทางรัฐบาลและผู้เสนอญัตติจึงมองว่าการที่จะให้ใช้พื้นที่สภาเป็นพื้นที่กลางในการพูดคุย อย่างน้อยๆ ให้ทุกคน และทุกกลุ่มที่ต้องการจะเสนอกฎหมายได้มีพื้นที่มาคุยกัน จะได้ทำให้ผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้นจริง และหาจุดร่วมกันได้
ที่ประชุมมีความเห็นตรงกัน ไม่มีผู้ใดขัดข้อง
สำหรับการเรียกร้องให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนนั้น ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกล แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน เสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง
นอกจากนี้ยังมีร่างพ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม จากผู้แทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทั้ง 2 ร่างดังกล่าว ประธานสภารับเรื่องไว้แล้ว อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบความถูกต้องเพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม
รวมถึงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ภาคประชาชน นำโดยโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ที่กำลังรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชน
จากนั้นจะยื่นเสนอสภาต่อไป คาดว่าภายในเดือนก.พ.2567
ส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล ซึ่งในอดีตเคยมีบทเรียนจากการออกกฎหมายนิรโทษฯ มาแล้ว ไม่ได้เสนอร่างกฎหมาย แต่ใช้วิธีเสนอตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษฯ
ขณะที่พรรคก้าวไกล ฝ่ายค้าน ไม่ขัดข้อง เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว แต่เรียกร้องให้การจัดสรรสัดส่วนกมธ.วิสามัญฯ มีความเหมาะสมใกล้เคียงกัน และควรกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาเพื่อความรวดเร็ว
การเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯ และการตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาศึกษาก่อนที่จะออกกฎหมายนิรโทษฯ ในภาพรวมถือเป็นแนวโน้มที่ดี แสดงถึงจุดร่วมที่ท้ายที่สุดแล้วหวังว่าจะนำไปสู่การนิรโทษฯ
เพราะขณะนี้ยังมีประชาชนไม่น้อยถูกดำเนินคดี และถูกคุมในเรือนจำ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง