ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คาดสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5 ระหว่างวันที่ 17- 23 กุมภาพันธ์
ระบุพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงภาคกลาง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก ส่วน 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช่วงระยะดังกล่าวเช่นกัน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนถึง 20 กุมภาพันธ์ ภาคตะวันออก มีแนวโน้มลดลงจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ส่วนภาคใต้ คุณภาพอากาศดีอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีลงไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง พร้อมกำชับให้ทุกฝ่ายมือเปื้อนดิน เท้าเปื้อนโคลนลงไปแก้ปัญหาถึงต้นตอ โดยยึดเชียงใหม่โมเดลเป็นแบบ
ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ที่ส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นประจำทุกปี
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากไฟป่า การเผาป่า ตลอดจนการเผาซังพืชผลและเศษวัสดุทางการเกษตร การก่อสร้าง รถยนต์ปล่อยควันดำ และโรงงานอุตสาหกรรม
ที่ผ่านมา บางปัจจัยและต้นตอสามารถควบคุมได้ด้วยมาตรการทางกฎหมายและการขอความร่วมมือ แต่หลายปัจจัยยังอยู่เหนือการควบคุมเช่น หมอกควันข้ามแดน
ขณะนี้ สภาผู้แทนราษฎร กำลังพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด คาดว่าจะมีผลบังคับในไม่ช้า หลังจากนี้ก็คงจะมีมาตรการต่างๆ ออกมา
จากข้อมูลของกรมอนามัยตั้งแต่ปีพ.ศ.2563 จนถึงปีพ.ศ.2566 พบว่าอัตราการป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผลกระทบจากปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก
อาการเบื้องต้น ได้แก่ การแพ้ฝุ่น ระคายเคืองตา คัดจมูกมีน้ำมูก หายใจลำบากและเหนื่อยง่าย ในระยะยาว ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด หลอดเลือดสมอง ปอดอุดกั้นเรื้อรังและมะเร็งปอด
ระหว่างที่หน่วยงานต่างๆ ระดมแก้ไขปัญหาอยู่ และยังไม่มีกฎหมายที่บูรณาการอย่างครอบคลุม ประชาชนจะต้องเอาใจใส่กับมาตรการดูแลสุขภาพของตนด้วย
ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข เช่น สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละออง งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรืองดออกนอกบ้านช่วงที่คุณภาพอากาศเลวร้าย ก็สามารถป้องกันอันตรายจากมลพิษทางอากาศได้อีกทาง