สภาผู้แทนราษฎรมีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วาระที่ 3 ด้วยเสียงเห็นชอบ 298 ไม่เห็นชอบ 166 งดออกเสียง 1 และไม่ลงคะแนน 1 เสียง

งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ล่าช้ากว่าปกตินี้ ตั้งไว้จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท ปรับลดลงจากวาระแรกจำนวนกว่า 9 พันล้านบาท แม้ฝ่ายค้านจะเสนอให้ตัดลดลงถึง 3 หมื่นล้านบาทก็ตาม

นายกรัฐมนตรีชี้แจงงบวงเงินดังกล่าว คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจประเทศจะขยายตัว 2.5% ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอันดับต้นๆ เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบ จึงต้องเร่งด่วนพลิกฟื้นระยะสั้น

จากนี้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในวันที่ 26 มีนาคม คาดว่าจะได้รับความเห็นชอบ เนื่องจากต้องเบิกใช้ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป

เป็นที่น่าสังเกตว่าการพิจารณาในวาระนี้ งบประมาณการใช้จ่ายด้านความมั่นคง และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีการอภิปรายและตั้งข้อสังเกตอย่างหนัก ซึ่งต้องนำมาปรับปรุงในการจัดทำปีต่อไป

งบประมาณแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับลดในวาระที่สองเหลือจำนวน 6.47 พันล้านบาท จากที่เสนอไว้ 6.65 พันล้านบาท แต่ก็เพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาท

การพิจารณาปรับลดทั้งหมดนี้ ระบุว่าพิจารณาจากความสอดคล้องของนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13

ปรับลดรายจ่ายกระจายไปในหลายกระทรวง ส่วนใหญ่เป็นงบการฝึกอบรมสัมมนา การจ้างเหมาบริการ การว่าจ้างที่ปรึกษา การจัดการประชาสัมพันธ์ และการเดินทางไปราชการต่างประเทศ เป็นต้น

หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดและเพิ่มขึ้นคือ กระทรวงมหาดไทยจำนวน 3.53 แสนล้านบาท รองลงมาคือ กระทรวงศึกษาธิการ 3.28 แสนล้านบาท กระทรวงการคลัง 3.27 แสนล้านบาท และกระทรวงกลาโหม 1.98 แสนล้านบาท

งบประมาณการใช้จ่ายประจำปี 2567 มีระยะการใช้จ่ายสั้นมากคือถึงเดือนกันยายนเท่านั้น ดังนั้น ในการจัดทำงบประมาณปี 2568 ซึ่งดำเนินการคู่ขนานไปบ้างแล้ว จะต้องมียุทธศาสตร์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับพันธกิจและการพัฒนาประเทศตามที่แถลงไว้

การใช้จ่ายด้านต่างๆ จะต้องเน้นการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และเข้าถึงการบริการต่างๆ ของรัฐอย่างเท่าเทียมและถ้วนหน้า

นอกจากนี้ ยังต้องรองรับการลงทุนขนาดใหญ่ต่างๆ ทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเมกะโปรเจ็กต์หลายโครงการที่รัฐบาลหวังขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีระหว่างบริหารประเทศด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน