นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย แพทองธาร ชินวัตร ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
รวมถึงแสดงความพร้อมในการทำงานร่วมกัน ส่งเสริมความเป็นพันธมิตรระหว่างไทย-สหรัฐ ที่มีมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
เช่นเดียวกับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ยืนยันบทบาทของไทยที่พร้อมสานต่อความร่วมมือกับสหรัฐ เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมาเป็นเวลาช้านาน การดำเนินความสัมพันธ์นี้จะเป็นไปอย่างเข้มแข็งและร่วมมือกันอย่างดี ทั้งด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันที่จะส่งผลไปถึงประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ชัดเจน
ความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกว่า 190 ปี ทำให้ไทยเป็นประเทศพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ ในภูมิภาคเอเชีย
ความร่วมมือที่พัฒนาและดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่สำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือทางทหาร ความมั่นคง การส่งเสริมการค้า การลงทุน การใช้ประโยชน์จากสหรัฐ ในฐานะแหล่งความรู้และเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
ด้านสังคม เช่น โครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา ความร่วมมือระหว่างสถาบันวิชาการ การต่อต้านภัยพิบัติ ความร่วมมือด้านการสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการแลกเปลี่ยนเชิงวัฒนธรรมต่างๆ เป็นต้น
ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำสหรัฐ ผ่านการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี ไม่เพียงส่งผลต่อโลก ยังส่งผลกระทบต่อไทยในหลากหลายมิติอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญการต่างประเทศของไทย ชี้ว่า การที่ทรัมป์ ซึ่งเป็นบุคคลอยู่นอกเหนือการคาดเดา ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ สถานการณ์ผลกระทบต่อโลกและไทยในด้านต่างๆ แม้มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดิม แต่จะคาดการณ์ได้ยากขึ้น
ความยากตรงนี้จึงเป็นโจทย์การบ้านของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ที่จะต้องหาทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ที่ต้องทำคือการพูดคุยหารือกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในมิติความสัมพันธ์อันหลากหลาย เพื่อพิจารณาร่วมกันว่าไทยต้องปรับบทบาท หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายใดหรือไม่ อย่างไร
บนพื้นฐานผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกภาคส่วน ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมั่นคงแน่นแฟ้นต่อไป