ณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ประชุมร่วมพนักงานอัยการครั้งแรก หลังคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติให้รับกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

เป็นการประชุมเปิดคดีร่วมครั้งแรก โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษอีก 4 คน ในฐานะคณะพนักงานสอบสวน

นอกจากนี้ ยังมีผู้อำนวยการกองคดีต่างๆ รวมถึง เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ รวมถึงบุคลากรของกรมสอบสวนคดีพิเศษรวมทั้งสิ้น 41 คน

ขณะที่พนักงานอัยการ ที่เข้าร่วมประชุมด้วย มี 3 คน ประกอบด้วย พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 คน และอัยการผู้เชี่ยวชาญอีก 2 คน มีกรอบการทำงาน เน้นรวบรวมพยานหลักฐานการฟอกเงินเป็นหลัก

รกิจสำคัญเป็นการรวบรวมตรวจสอบกลุ่มตัวละครว่าใครมีส่วนรับโอนเงินในคดีเลือกสมาชิกวุติสภาชุดล่าสุด ผ่านรายการเดินบัญชีที่จะขอจากสถาบันการเงินการธนาคาร โดยเฉพาะในปี 2567 ที่กระทำความผิด รวมถึงเอกสารต่างๆ ทางการเงิน

แม้ในชั้นสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษมีข้อมูลนี้ ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในชั้นสอบสวนต้องร่วมกับพนักงานอัยการ เพื่อสอบสวนปากคำพยานให้ครบถ้วน เนื่องจากพยานมีเป็นจำนวนมาก

หากพบพยานบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับคดี ก็ต้องเรียกมาสอบสวนปากคำทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโอนและรับโอนเงินดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเห็นเส้นเงินที่ชัดเจนโยงใยถึงกันทั้งหมด

สำหรับคดีนี้ พบว่ามีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมาก ทั้งพยานบุคคล เอกสาร รวมถึงสถานที่จัดการประชุมเพื่อทำความผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ การรับเป็นคดีพิเศษจึงเป็นอำนาจที่จะสืบสวนสอบสวนได้เฉพาะเจาะลึกมากขึ้น

นส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการทำความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยมีพนักงานกรมสอบสวนได้รับการแต่งตั้งให้เข้าไปร่วมด้วย ถือว่าเป็นการทำงานคู่ขนานกันไป

จากพยานหลักฐานสำคัญอันมีมูลเชื่อได้ว่าการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 เป็นโพยฮั้วให้เลือกหมายเลขระดับประเทศ ชุด A และชุด B รวม 140 คน ที่มีรายชื่อตั้งแต่กลุ่ม 1 ถึงกลุ่ม 20 โดยมีเบอร์ให้เลือก

พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบรายชื่อ หมายเลขในโพยตามหลักฐานเอกสาร พบเป็นรายชื่อตามประกาศผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับประเทศ ตรงกับผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 138 คน และสำรอง 2 คน

จากหลักฐานดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา อำนวยการให้คณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสามารถตรวจสอบได้เต็มที่ ไม่ถูกขัดขวางใดๆ เพื่อให้สรุปสำนวนให้พิจารณาวินิจฉัยได้โดยเร็ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน