เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน และแจ้งข้อกล่าวหานายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ในคดีอาญา กรณีกระทำผิด หรือทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินจากผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น สืบเนื่องจากกรณีร่ำรวยผิดปกติหรือไม่นั้น

ล่าสุดแหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ปัจจุบันคณะอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปผลการไต่สวนแล้ว โดยจากการไต่สวนสามารถสรุปจำนวนเงินทั้งหมดของนายสุพจน์ที่อาจเข้าข่ายเรียกรับสินบน เท่ากันกับที่คณะกรรมการป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ และศาลแพ่งเคยพิพากษายึดทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดินก่อนหน้านี้คือจำนวนประมาณ 46 ล้านบาท เนื่องจากตรวจเจอแค่เฉพาะเงินสดที่เก็บไว้ในบ้าน ส่วนเงินที่เหลือส่วนอื่นๆ ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าอาจเข้าข่ายการรับสินบน ปัจจุบันเตรียมนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาในเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายสุพจน์ไปแล้วเมื่อปี 2555 กรณีมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ เนื่องจากเมื่อปี 2554 มีโจรบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ โดยหอบเงินสดไปกว่า 200 ล้านบาท อย่างไรก็ดี โจรให้ปากคำกับตำรวจว่า ภายในบ้านนายสุพจน์มีเงินสดอีกกว่า 700-1,000 ล้านบาท แต่นายสุพจน์ระบุว่า โจรได้แค่เงินค่าสินสอดงานแต่งงานลูกสาวเพียง 5 ล้านบาทเท่านั้น

หลังพบความผิดปกติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจค้นบ้านนายสุพจน์ พร้อมกับอายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ กระทั่งปี 2555 จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายสุพจน์ร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์สินทั้งสิ้น 64,738,587 บาท และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการฟ้องศาลแพ่งเพื่อยึดทรัพย์สินคืนแก่แผ่นดิน ต่อมาเดือน ม.ค.2557 ศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์สินรวม 19 รายการ มูลค่า 46,141,038 บาทของนายสุพจน์ ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนทรัพย์สินที่เหลือนายสุพจน์สามารถพิสูจน์ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน