เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า ในวันที่ 11 พ.ค. จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสนช. เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาประวัติ ความประพฤติ จริยธรรม ของบุคคลทั้ง 7 คนว่าเป็นผู้มีประวัติความประพฤติ จริยธรรมที่พร้อมทำงานในในองค์กรอิสระหรือไม่ ส่วนกรณีนายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าฯหลายจังหวัด ซึ่งครั้งที่แล้วตกในรอบแรก แต่ครั้งนี้ได้รับการสรรหานั้น รอบแรกตกคุณสมบัติเพราะถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อ และครั้งนี้นายพีรศักดิ์ ได้แก้ไขแล้ว

นายพรเพชร กล่าวว่า ส่วนที่ทั้ง 5 คนส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ประสบการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้งอาจจะน้อยนั้น ตนจำได้ว่าสื่อวิจารณ์ว่าการสรรหาครั้งแรกไม่ค่อยมีคนดัง คนเด่น ดังนั้นกรรมการสรรหาฯ จึงคิดตามสื่อ พยายามหาแมวมอง แต่การที่คนเรามีประวัติ มีความรู้ความสามารถ ถ้าไม่ปรากฏเด่นชัดหรือปรากฏเด่นชัดเฉพาะตนรู้จัก แต่ไม่ได้ดัง ไม่ได้เด่น ไม่รู้ผลงานเขา มันก็ยากที่จะได้เข้ามา

“ดังนั้นคนที่ได้เข้ามา ต้องมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทำงานมาแล้วเป็นประโยชน์กับประเทศชาติในด้านใด มีความรู้ด้านใด ขณะเดียวกันยิ่งสูงยิ่งหนาว ประวัติของเขา กรรมการสรรหาฯต้องตรวจว่าดีจริงหรือไม่ หรือถูกโต้แย้ง ถูกคัดค้าน คนขับไล่ไม่ให้อยู่ในตำแหน่งนั้นมา มิหนำซ้ำยังโดนตรวจสอบจริยธรรมของสนช.อีก ซึ่งถือเป็นกลไกปกติของการสรรหา และคนที่เสนอเข้ามา ถ้าไม่มั่นใจว่ามีประวัติคุณงามความดีมากพอ กรรมการสรรหาฯ คงจะเลือกคนที่ทำงานมามาก อุทิศเวลาเป็นที่รู้จัก เป็นที่รักเครารพนับถือของประชาชน ก็ได้เปรียบกว่า ดังนั้น ผู้สมัครที่เขาสนใจในด้านนี้เขาคงประเมินตัวเขาเองว่าได้ทำงานมาเป็นที่ประจักษ์ เป็นที่ต้องตาต้องใจของกรรมการสรรหาฯ” นายพรเพชรกล่าว

เมื่อถามว่าน.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ที่ระบุว่าไม่ได้รับเลือกเพราะเป็นเอ็นจีโอ นายพรเพชร กล่าวว่า น.ส.ลัดดาวัลย์ ได้รับคะแนน แต่ไม่พอ ไม่สามารถจูงใจได้ แต่จะให้ได้คะแนน 2 ใน 3 ก็ยากพอสมควร และในขั้นตอนของสนช. ต้องได้รับคะแนนเสียงกึ่งหนึ่งของทั้งหมดคือ 247 คน จึงต้องได้คะแนน 124 เสียง ถ้าใครงดออกเสียงหรือไม่มาประชุม เท่ากับไม่เห็นชอบ

เมื่อถามว่าครั้งแรกที่สนช.ตีตก มีการอ้างเรื่องการประสบการณ์การเลือกตั้ง ประธานสนช.กล่าวว่า สนช.ไม่ได้ตีตกเรื่องประสบการณ์การเลือกตั้ง ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครไปตำหนิเรื่องไม่มีประสบการณ์การเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้นตนก็ต้องเลือกข้าราชการกกต.มาแล้ว อย่างนี้ทำไมไม่กำหนดคุณสมบัติอย่างนั้น หากอยากได้ประสบการณ์เรื่องการเลือกตั้ง จะไปเอาที่ไหนมา

“กรรมการสรรหาฯ ดูว่างานที่เขาทำเป็นประโยชน์กับราชการหรือไม่ ทำด้วยความมุมานะขันแข็งหรือไม่ ทำด้วยความเข้าใจที่จะสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจหรือไม่ ต้องมีความรู้ความสามารถ ทำในสิ่งที่มันท้าทายเช่น กกต.หรือไม่ เพราะงานประจำเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กกต. แต่งานนโยบายมีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความคิดที่จะทำได้หรือไม่ ทุกคนอยู่ในสภาก็มาจากที่ต่างๆกัน บางคนไม่เคยทำงานสภา แต่เมื่อเขามาแล้ว เขาสามารถเสนอความเห็นต่างๆได้ มั่นใจว่าเรื่องของคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ 5 คนนั้น กรรมการสรรหาฯพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว และได้พิจารณาคนที่ดีที่สุด” นายพรเพชร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน