เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่กองปราบปราม 8 แกนนำพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค, นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค, นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม, นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ, นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ, นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังการตั้งโต๊ะเปิดแถลงผลงาน 4 ปีของ คสช. ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 57/57 ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วดําเนินการประชุม หรือดําเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง ฝ่าฝืนคำสั่ง สช.ที่ 3/58 ข้อ 12 ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เนื่องจากมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก

ทั้งนี้ มีอดีตรัฐมนตรี แกนนำและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงแกนนำนปช. อาทิ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาดไทย, นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย, นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ, นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์, นายก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นต้น รวมทั้งกลุ่มมวลชนและกลุ่มผู้สนับสนุนเกือบ 200 คน มารอให้กำลังใจแกนนำทั้ง 8 คน ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยทันทีที่แกนนำมาถึงมวลชนต่างตะโกน “เพื่อไทยสู้ๆ” พร้อมร้องเพลง “ศรัทธา” เพื่อเป็นกำลังใจให้แกนนำด้วย

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้มีความรวบรัดเร่งรีบดำเนินการแจ้งความในเวลา 20.00 น.ของวันที่ 17 พ.ค. สอบสวนกันทั้งคืน จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ค. จึงออกหมายจับพวกเราทั้ง 8 คน ประการต่อมาคือ มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาตั้งข้อหาในลักษณะนี้ เพราะที่ผ่านมาก็มีการแถลงข่าวในลักษณะนี้หลายครั้งหลายหน และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจะเป็นการชุมนุมทางการเมืองได้อย่างไร แต่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอถามว่าการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจะเป็นการปลุกปั่นประชาชนได้อย่างไร การตั้งข้อหาตามมาตรา 116 ต้องเป็นการกระทำที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อบ้านเมือง ทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านรัฐบาล ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น พวกตนเพียงแถลงข่าวไม่ได้ปลุกปั่นอะไรเลย จึงไม่เข้าข้อกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงขอฝากถึงพนักงานสอบสวนว่าการใช้กฎหมายเช่นนี้ ไม่ใช่ใครมาแจ้งแล้วก็จะเอาตามที่เขาแจ้ง ต้องสอบสวนทวนความก่อน ตนจึงเห็นว่าการใช้มาตรานี้ดำเนินการ กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อสกัดยับยั้งผู้คนไม่ให้แสดงความคิดเห็นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ชอบ

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งต่างๆ ในวันนี้ทำให้เห็นว่ามีความพยายามใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายอย่างไม่เสมอภาค ตนสงสัยคลางแคลงใจว่าสิ่งที่พรรคได้ดำเนินการตามสิทธิพลเมืองในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชน วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นสิ่งที่จะทำได้หรือไม่ เหตุการณ์ครั้งนี้ 5 คนที่เหลือไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่มีสมาชิก 3 คนนั่งแถลงข่าว ก่อนการแถลงได้มีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้รับคำตอบว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ แต่ตำรวจไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจน พรรคก็ไม่ได้แถลงใดๆ แต่เป็นเรื่องของสมาชิกที่ดำเนินการ โดยใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นเรื่องที่พลเมืองประเทศไทยสามารถใช้สิทธิวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล

“สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คิดว่าเป็นการใช้กฎหมายเพื่อกำจัดคนเห็นต่างอย่างไม่ชอบธรรรม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะความขัดแย้งในสังคมไทยที่ต้องการการแก้ไข แต่มีกระบวนการจัดการที่ไม่ยุติธรรม จะยิ่งสร้างปัญหา และทำให้ความขัดแย้งบานปลาย ทั้งนี้ อยากให้นำเหตุการณ์ดังกล่าวไปเป็นอุทธาหรณ์ อยากให้ประชาชนและฝ่ายปฏิบัติงานทราบว่าการใช้กฎหมายอย่างไม่ยุติธรรม ไม่เสมอภาคมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ดำเนินการกับประชาชนที่เห็นต่าง เป็นสิ่งที่เป็นปัญหา ไม่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบหากเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคต” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่แจ้งจับจะโยงไปถึงการยุบพรรคหรือไม่นั้น ได้นั่งดูทุกเรื่องที่แถลงยังไม่เห็นมีข้อไหนที่เข้าข่ายความผิดจนนำไปสู่การยุบพรรค เพราะการสะท้อนการทำงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปี ไม่ใช่เรื่องที่จะไปล้มล้าง สร้างปัญหาให้กับประเทศจนถึงขั้นจะแจ้งความให้ยุบพรรคเพื่อไทยได้ และไม่คิดว่ารัฐบาลจะกล้าทำในสิ่งนี้ ทั้งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของประชาชนเพราะประชาชนชนคือคนกำหนดทิศทางของประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก 8 แกนนำเดินเข้าไปภายในกองปราบฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือกลุ่มมวลชนที่มารอให้กำลังใจที่นั่งอยู่บริเวณหน้าอาคารกองปราบฯ ย้ายออกไปปักหลักบริเวณด้านนอกอาคาร แต่มวลชนไม่ยอมเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่จึงชี้แจงว่าที่นี่คือสถานที่ราชการมีคนเข้า-ออกเพื่อติดต่อราชการจำนวนมาก แต่มวลชนก็ยังยืนยันว่าจะไม่ส่งเสียงดัง แต่ขอปักหลักอยู่ที่เดิม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจกระเป๋ากลุ่มมวลชนเพื่อความปลอดภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน