เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลคาดเสนอพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับคือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในเดือนมิ.ย. ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะ ต้องไม่ลืมว่าวันนี้สังคมไทยกี่โพลก็ ออกมาเหมือนกันหมดว่าประชาชนอยากได้อำนาจของเขากลับคืนมาแล้ว อยากเห็นกระบวนการเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยดังนั้นหากไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรค ภาระหน้าที่ของคสช. และรัฐบาลก็คือ เร่งดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ปให้เร็วที่สุด นั่นจะเป็นการตอบคำถาม และแสดงเกียรติยศของนายกรัฐมนตรีอย่างดีที่สุดด้วย อย่าให้นายกรัฐมนตรีต้องหน้าแตกซ้ำสองซ้ำสามเลย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 มิถุนายน 2561 นี้ มีการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีกลุ่มพลเมืองฟ้องกลับ ฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวกข้อหาเป็นกบฏ จากกรณีเข้ายึดอำนาจทำรัฐประหารล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นที่น่าติดตาม เราจะเห็นแล้วว่า วันนี้สังคมไทยรังเกียจการยึดอำนาจอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยึดอำนาจแล้ว ก็มาออกกฏหมายนิรโทษ ยืนลอยตัวอย่างสง่าในสังคม แต่ประเทศชาติย่อยยับไปขนาดไหน และในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีกฎหมายใด ที่จะเอื้อมไปถึงทำให้เป็นที่มาของการปฏิวัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากในวันที่ 22 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ผลคำพิพากษาออกมา สามารถเอาผิดกับคนที่ก่อการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ชิงอำนาจรัฐ มาลงโทษ เพื่อให้ได้คิดว่าการใช้กำลังในการรัฐประหารควรหมดไปได้ คนที่คิดก็จะไม่กล้าอีก จะได้ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารให้เป็นวงจรอุบาทว์อย่างนี้อีกไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ก็ได้ประกาศใช้แล้ว แต่ไม่รู้ว่า เพราะเหตุใดจึงยังพยายามเหนี่ยวรั้ง ให้เงื่อนเวลา สร้างปัญหาอยู่ตลอด ดังนั้นหากปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏหมายพรรคการเมือง ก็จะไม่มีใครมาต่อว่าคสช. หรือรัฐบาลได้เลยว่า ให้โอกาสพรรคการเมืองใหม่มากกว่าพรรคการเมืองเก่า แน่นอนที่สุด คือจะต้องให้การปฏิบัติเท่าเทียมทุกพรรคการเมืองเสมอเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะพรรคการเมืองที่สนับสนุนพวกคุณเท่านั้น ขอเพียงแต่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกติกาและกฎหมายที่พวกคุณเป็นคนกำหนดขึ้นเองเถิด

แต่อย่ามาบอกว่า กฏหมายพรรคการเมืองประกาศใช้แล้ว แต่ยังทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้ คสช. ก็จะกลายเป็นจำเลยของนักการเมืองอยู่ตลอด เพราะพวกเขาจะมอง ด้วยสายตาที่หวาดระแวง สายตาที่ขาดความเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาแล้ว คุณจะคืนอำนาจหรือให้ความเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เพราะวันนี้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังอยู่ที่คสช. ถึงแม้ว่าจะเลือกตั้งเสร็จแล้ว ประชาชนตัดสินใจเสร็จแล้ว ก็ยังขาดความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะยุติธรรม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีนั้น จะเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมามีแบบอย่างที่เป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว และยิ่งรัฐบาลมาในลักษณะไม่ปกติ รัฐมนตรีในรัฐบาลก็ต้องยิ่งทำตัวให้สังคมเห็นว่า มีความผิดแผกไปจากนักการเมืองทั่วไป ดังนั้นเมื่อมีมติออกมาเช่นนี้ เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่จะรอทำไม ควรให้เกียรติและให้โอกาสนายกรัฐมนตรี ในการที่จะปรับปรุงเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ดีกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน