‘บิ๊กเจี๊ยบ’ สั่ง ทบ. ถอดบทเรียนถ้ำหลวง ยกระดับปฏิบัติการ-กำลังพลรับมือวิกฤตเร่งด่วน

ถอดบทเรียนถ้ำหลวง – วันที่ 21 ก.ค. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มอบให้หน่วยงานของกองทัพบก ที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ สรุปข้อมูลการปฏิบัติงานในภาพรวม ทั้งด้านการใช้ยุทโธปกรณ์ การบริหารจัดการกำลังพล วิธีการค้นหากู้ภัย เพื่อใช้ประโยชน์เป็นฐานข้อมูล เป็นแนวทาง และวิธีการในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในโอกาสต่อไป รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานการบรรเทาสาธารณภัย ของกองทัพบกให้เท่าทันต่อเหตุวิกฤตต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

นอกจากนี้ผู้บัญชาการทหารบก ยังมีนโยบายให้หน่วยทหารเร่งพัฒนาทักษะกำลังพล ให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานในภาวะเสี่ยง และยากลำบากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง ในลักษณะเป็นผู้ชำนาญการพิเศษ เพื่อให้สามารถนำความเชี่ยวชาญดังกล่าวไปใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย หรือเหตุการณ์วิกฤตในอนาคต อาทิ การดำน้ำกู้ภัย การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุด้วยวิธีเฉพาะ เป็นต้น

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการสานต่อและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะวิกฤตตามแนวนโยบายข้างต้น ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบให้ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ระบบการจัดการบริหารเหตุการณ์วิกฤต” ในวันที่ 24 ก.ค. ที่แหล่งสมาคมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี

โดยเชิญผู้สัมมนาที่ร่วมปฏิบัติภารกิจค้นหากู้ภัยที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย อาทิ สำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 13 (ทีมรังนกจากเกาะลิบง), ทีมสำรวจและขุดเจาะถ้ำ จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ /บริษัทChevron (Thailand)/ บริษัท Water Resource Engineering, บริษัทจีโอเมคคานิคอล เซอร์วิสเซศ จก., สมาคมกู้ภัยภูซางการกุศล จ.พะเยา (ฝ่ายสื่อสารภายในถ้ำ), จิตอาสาและอาสากู้ภัย (ฝ่ายลำเลียงสนับสนุนภายในถ้ำ), คณะที่ปรึกษาทางทหารสหรัฐประจำประเทศไทย,สถานทูสหรัฐ, ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล, หน่วยงานภายในและกรมฝ่ายเสนาธิการของกองทัพบก เป็นต้น

รองโฆษกกองทัพบก กล่าวต่อว่า การสัมมนาประกอบด้วยการบรรยายและสาธิต “การจัดการบริหารเหตุการณ์วิกฤต” โดยผู้แทนศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล, การบรรยายผลการปฏิบัติงานและบทเรียนที่ได้รับสู่การเตรียมความพร้อมในอนาคตโดยหน่วยที่ร่วมภารกิจ รวมทั้งการจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ เช่น “ประชารัฐร่วมใจ ค้นหา/กู้ภัยทีมหมูป่า”, “จัดการอย่างไรเมื่อต้องเอาชนะธรรมชาติและแข่งกับเวลา” และ “บทเรียน สู่องค์ความรู้ : Best Practice” ทั้งนี้กองทัพบกเชื่อว่า การสัมมนาดังกล่าว จะช่วยสานต่อความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนในสถานการณ์วิกฤตต่อไป

ทั้งนี้ในเหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน กองทัพบกได้ส่งกำลังพล 1,323 นาย จากกองทัพภาคที่ 3 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ, ศูนย์การบินทหารบก, มณฑลทหารบกที่ 37, กองพลทหารราบที่ 4, กองพลทหารราบที่ 7, กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์, กองกำลังนเรศวร, กองกำลังผาเมือง และกรมแพทย์ทหารบก ภายใต้การอำนวยการจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก พร้อมยุทโธปกรณ์และเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย อาทิ เอลิคอปเตอร์ แบบ MI17, เฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212, เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค , รถครัวสนาม และโรงพยาบาลสนามเคลื่อนที่ เข้าร่วมปฏิบัติการในระหว่าง 23 มิ.ย. – 10 ก.ค. 2561

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน