กกต.ส่อวุ่น! กรธ.เตือนเลือกปธ.เสี่ยงผิดกฎหมาย เหตุไม่ครบ 7 คน วิปสวน-ทำได้
กกต. -วันที่ 26 ก.ค. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากสนช.ลงมติเห็นชอบผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกกต. 5 คนไปแล้วเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ผ่านมา ซึ่งได้รับรายงานว่าทั้ง 5 คนได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆแล้ว จากนั้นสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภานัดประชุมทั้ง 5 คนในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เพื่อเลือกตำแหน่งประธาน กกต. ก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
นายพรเพชร กล่าวว่า ได้หารือกับประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครอง ในฐานะกรรมการสรรหา กกต. ถึงแนวทางสรรหา กกต.ที่เหลืออีก 2 คนว่ามีแนวโน้มใช้วิธีสรรหาเช่นเดิม ไม่ใช้วิธีทาบทามตามที่มีข้อเสนอเพราะไม่เหมาะสม โดยน่าจะใช้เวลาสรรหา 60 วัน จากกรอบ 90 วัน และเข้าสู่กระบวนการพิจาณาของ สนช อีก 45 วัน รวมเวลา 105 วัน คาดว่าจะเสร็จช่วงเดือนพ.ย.นี้ ส่วนกกต.อีก 2 คนจะมาทำหน้าที่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ยังตอบไม่ได้เพราะยังมีขั้นตอนทางธุรการที่ต้องดำเนินการ
นายเจษฎ์ โทณวณิก ที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงกกต. 5 คน เตรียมประชุมเพื่อเลือกประธาน กกต.ในวันที่ 31 ก.ค.ว่า ต้องระวังเพราะอาจขัดเจตนารมณ์ของพ.ร.ป. ว่าด้วยกกต. มาตรา 12 ที่ระบุว่าเมื่อมีผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว หากเป็นกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบประชุมร่วมกับกรรมการ ซึ่งยังไม่พ้นจากตำแหน่งเลือกกันเอง ให้คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการแล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ แสดงว่าการจะเลือกประธานในครั้งแรกต้องได้ กกต.ครบทั้ง 7 คนก่อน เพราะประธานจะทำหน้าที่จนครบวาระ หากเลือกไปก่อน กกต.ที่เข้ามาใหม่จะไม่มีโอกาสได้เลือก ทั้งที่การทำงานของประธาน กกต.จะผูกพัน กกต.ทั้งหมดด้วย
นายเจษฎ์ กล่าวว่า อีกทั้งกกต.อีก 2 คนที่ยังไม่ได้รับเลือกเข้ามา ก็มีสิทธิเลือกและได้รับเลือกเป็นประธานกกต. แต่ถ้าได้ 5 คนแล้วเลือกประธาน กกต.ไปก่อน อีก 2 คนจะเสียโอกาส รวมทั้งการทำงานอาจมีปัญหาในอนาคต เพราะอีก 2 คนไม่มีส่วนร่วมเลือกประธาน แต่ต้องยอมรับการทำงานของประธานที่ตัวเองไม่ได้เลือก
ดังนั้น ผู้ที่จะนำรายชื่อกกต. รวมถึงประธานขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องระวังและพิจารณาอย่างรอบคอบ หากดำเนินการผิดกฎหมายจะส่งผลกระทบที่แก้ไขยาก และไม่ควรนำเรื่องที่ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนกกต.ใหม่ 5 คน สามารถทำงานได้ แม้จะยังไม่ครบ 7 คนก็ตาม แต่ยังไม่ควรเลือกประธาน กกต.ในตอนนี้
ส่วนที่ตีความว่าเลือกได้ แม้จะได้กกต.เพียง 5 คน โดยอ้างถึงกฎหมายมาตราเดียวกันในวรรคท้าย ว่าในกรณีผู้ซึ่งวุฒิสภาให้ความเห็นชอบยังได้ไม่ครบจำนวนที่ต้องสรรหาหรือคัดเลือก แต่เมื่อรวมกับกรรมการซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่ ถ้ามีถึง 5 คน ก็ให้ประชุมเพื่อเลือกประธานได้นั้น ที่ปรึกษากรธ. กล่าวว่า เป็นการเลือกประธานหลังจากเกิดปัญหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานลาออก ไม่ใช่การเลือกประธานในครั้งแรก
ด้านนายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. (วิป สนช.) กล่าวว่า มีผู้สอบถามประเด็นนี้เข้ามาแต่ได้สอบทานกับเลขาธิการวุฒิสภาและผู้เกี่ยวข้อง ก็ยังยืนยันว่า กรณีดังกล่าวสามารถเลือกประธานกกต.ได้ เพราะผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ถือว่าเป็น กกต.แล้ว เพียงแต่รอการทูลเกล้าฯ จึงเลือกประธานได้
แต่ถ้ามีผู้เห็นต่างว่าทำไม่ได้ ก็เกิดคำถามว่าจะทูลเกล้าฯเฉพาะตำแหน่ง กกต.อย่างเดียวได้หรือไม่ อีกทั้งเมื่อ สนช.เลือกได้ 5 คน ก็อยากให้กระบวนการทั้งหมดเดินหน้าได้ ไม่เช่นนั้นจะมีข้อครหาว่ามีการสมคบคิดเพื่อไม่ให้ได้กกต.ชุดใหม่ ยืนยันว่ากระบวนการพิจารณาทั้งหมดเป็นไปอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ได้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
