จตุพร ออกคุกแล้ว!! นปช.ต้อนรับแน่น หวัง ประเทศพ้นกงล้อ ‘ประวัติศาสตร์’ – ไม่ย่ำรอยเดิม ที่ผ่านมาให้เป็นบทเรียน อยากเห็นประเทศก้าวไปข้างหน้า แนะ อย่ากลัวการพ่ายเลือกตั้ง พร้อมทำกิจกรรมต่อ

จตุพร – เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 4 ส.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 ในคดีหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีปราศรัยในที่ชุมนุม นปช. ใส่ความนายอภิสิทธิ์ โดยมีแกนนำ นปช. เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ์, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายวรชัย เหมะ, นายยศวริศ ชูกล่อม, นายอารี ไกรนรา, นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์, นายขวัญชัย ไพรพนา พร้อมมวลชนกว่า 100 คน เดินทางมารอรับและมอบดอกกุหลาบแดงให้กำลังใจ

นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ภายหลังออกจากเรือนจำ ว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชน พี่น้องนปช. และพี่น้องคนเสื้อแดงเพื่อนพ้องน้องพี่ทางการเมือง รวมไปถึงผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตลอดระยะเวลา 1 ปี 15 วัน ที่อยู่ในคุก ซึ่งดูเสมือนว่าเป็นเวลาที่เนิ่นนาน มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ได้ผ่านความรู้สึกนั้นมาได้ ภารกิจของพวกเรายังต้องเดินหน้าและทำงานต่อไป หนทางข้างหน้าของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องของคนไทยทุกคน ที่จะต้องร่วมกันหาทางออก ซึ่งประวัติศาสตร์ได้สอนเราทุกครั้งว่า ประเทศไทยจะตายก่อนแก้ปัญหาเสมอ แต่ไม่เคยแก้ปัญหาก่อนตายแม้แต่เพียงครั้งเดียว

จตุพรเพราะฉะนั้นหนทางที่เป็นวิกฤตชาติบ้านเมืองอยู่นั้นเห็นว่า แต่ละฝ่ายคงต้องตระหนักหาทางออกร่วมกัน ตนเชื่อว่าทุกคนที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 และเหตุการณ์พ.ค. 2535 หรือในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมานี้ ถ้าจุดเริ่มต้นของบ้านเมืองยังคงเป็นลักษณะอย่างนี้ไปสุดปลายทาง ก็จะไม่แตกต่างกับอดีตที่ผ่านมา ตนมีความปรารถนา ที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อย่างปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 10 ความจริงทุกแนวทางในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง อยู่ในพระกระแสรับสั่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยุติธรรม ความสมัครสมานสามัคคี ภายในชาติ ถ้าทุกฝ่ายน้อมนำและปฏิบัติอย่างเป็นจริง เราก็จะผ่านพ้นวิกฤตการณ์อันนี้ไปได้

จตุพรหลังจากที่ผมออกจากเรือนจำไปแล้ว จะมีการปรึกษาหารือ หาทางออกให้ชาติบ้านเมือง ซึ่งเราเองก็ไม่เคยบอกว่าเราทำถูกทุกเรื่อง บางเรื่องก็ถูก บางเรื่องก็ผิด ที่ผิดและถูกก็ย่อมเป็นบทเรียน บนสถานการณ์นั้นๆ คนที่ผ่านเหตุการณ์บ้านเมือง น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ายังเดินไปในสภาพอย่างนี้ ผมมีคำถามว่าเราจะแก้ปัญหาก่อนตายหรือตายก่อนแก้ อย่าเดินตามประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์ได้สอนอยู่แล้วอะไรที่ทำให้บ้านเมืองกลับมายังจุดวิกฤตเราก็ไม่ควรที่จะย่ำรอยเดิม

จตุพรและต้องตระหนักว่าจะไม่ทำในสิ่งเหล่านั้นอีก อะไรที่สำคัญที่สุดจะถูกหยิบยกมาใช้ในการจะนำพาบ้านเมืองไปสู่จุดเดิม 85 ปีที่ผ่านมา มีทั้งการเลือกตั้งและการยึดอำนาจ นักการเมืองและผู้ยึดอำนาจ สลับกันมีอำนาจ ส่วนผู้ที่ตายฝ่ายเดียวก็ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร หรือผลการยึดอำนาจจะเป็นอย่างไร ประชาชนก็ยังเป็นประชาชนในวันยังค่ำ เมื่อกงล้อประวัติศาสตร์อธิบายเช่นนั้น เราก็ไม่ควรย่ำรอยเดิม ควรหาสิ่งที่ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น สิ่งที่น่ากลัวในปัจจุบันไม่ใช่ว่าใครจะได้เสียงเท่าไหร่

จตุพรแต่ยิ่งสร้างวิกฤตศรัทธาก็จะยิ่งเป็นสาเหตุให้บ้านเมืองกลับสู่หายนะ คือความน่ากลัว ทั้งนี้ความน่ากลัวไม่ได้อยู่บนความพ่ายแพ้ของการเลือกตั้ง นั้นเป็นเรื่องเล็กมาก เล็กที่สุด แต่ใหญ่ที่สุดก็คือ ผลพวงของการสร้างภาพปรากฏการณ์วิกฤติศรัทธาที่จะเป็นสาระสำคัญ” นายจตุพร กล่าว

จตุพร

จตุพร

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้จับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช. นายจตุพรกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะต้องแก้เกม แม้ตนไม่อยู่แต่ก็มีน้องๆ อยู่ คอยเป็นผู้ปัดกวาดบ้านให้สะอาด ซึ่งก็ไม่มีอะไรให้ต้องจับตาจากทางเจ้าหน้าที่รัฐทั้งนั้น

จตุพร

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และพระพุทธะอิสระ แกนนำก่อปปส.บ้างหรือไม่นายจตุพรกล่าวว่า ตนก็ได้พบทั้งคู่ ซึ่งตนเคยพูดว่า ใครพกความคับแค้นเข้ามาในคุก ในคุกคือ สังคมแห่งการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และเปิดใจกว้างพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งมีเรื่องราวต่างๆ มากมาย โดยในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) ตนจะเดินทางไปพบกับมวลชนที่ อิมพีเรียลลาดพร้าว เพื่อทำกิจกรรมและสิ่งที่ตนยังทำค้างคาอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน