“บิ๊กตู่”ขอโทษยิ่งลักษณ์ ที่ส่งตำรวจตามประกบ สั่งให้ถ่ายรูปน้อยๆลงแล้ว “บิ๊กป้อม”อ้างป้องกันมือที่ 3 ปองร้าย นายกฯให้คำขวัญวันเด็กปี”60 “เด็กไทยใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง” โชว์เพลงใหม่ชื่อ “สะพาน” ให้ครม.ร่วมเป็นทางเชื่อมให้ชาวบ้านก้าวข้ามน้ำที่เชี่ยวกรากไปถึงฝั่งฝัน ลั่นอีกไม่ไกลจะคืนความสุขให้ตามสัญญา ย้ำไม่ขยับโรดแม็ปยึดตามปฏิทินเป๊ะ อัดนักการเมืองอย่าดีแต่ไล่ล่าเรื่องปฏิรูป-เลือกตั้ง มอบ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” เดินหน้าเรื่องปรองดอง เล็งดึงกลุ่มเห็นต่างตั้งวงคุยให้ตกผลึก “บิ๊กป้อม” อัดสนช.อย่ามโนเรื่องโรดแม็ป “ดอน” ลั่นถ้าขยับไม่กระทบเชื่อมั่นต่างชาติ “พีระศักดิ์” ปัดสนช.จ้องยื้อเลือกตั้ง ส่ง “จตุพร” จากร.พ.ราชทัณฑ์กลับเรือนจำ นปช.แห่เยี่ยมแน่นคุก

“บิ๊กตู่”นำครม.-ขรก.ทำบุญปีใหม่

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2560 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ร่วมพิธี มีพระสงฆ์บิณฑบาต 60 รูป จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทักทายรัฐมนตรี ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่มาร่วมงาน ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์และครม.ทั้งหมด เปลี่ยนเป็นชุดปกติขาว เพื่อถ่ายภาพหมู่ร่วมกับรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2559 จำนวน 12 ตำแหน่งที่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนประชุมครม. นัดแรกของปี 2560 โดยนายกฯ กล่าวภายหลังถ่ายภาพหมู่ว่า ได้แต่งเพลงขึ้นมาใหม่ชื่อเพลง “สะพาน” ให้กับครม.ทุกคนในการทำงาน เพื่อก้าวข้ามสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งนับเป็นเพลงที่ 4 ที่พล.อ.ประยุทธ์ แต่ง คือ เพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย เพลงเพราะเธอคือประเทศไทย เพลงความหวัง ความศรัทธา และล่าสุดคือเพลงสะพาน

แต่งเพลงใหม่”สะพาน”

สำหรับเพลงสะพาน พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผู้ประพันธ์คำร้อง เรียบเรียงคำร้องและทำนองโดยนายวิเชียร ตันติพิมลพันธ์ เรียบเรียงเสียงประสานโดย พ.ต.สุรชัย ถวิลไพร ขับร้องโดยจ่าสิบเอกพงศธร พอจิต เนื้อเพลงมีเนื้อหาว่า

“อาจจะนานที่สุดเพื่อเธอ เพื่อแผ่นดินที่แสนรักมั่น นานแค่ไหนรู้ไว้ไม่หวั่นหัวใจ เมื่อต้องเจอเเม่น้ำเชี่ยวกราก อุปสรรคที่แสนยิ่งใหญ่ จะพาเธอให้พ้นทุกข์ภัยเช่นไร

อย่าเพิ่งท้อแท้ เพราะฉันไม่เคยจะท้อถอย สองมือจะไม่ปล่อย ขอจงอย่าหวั่นใดใด ฉันพร้อมจะเป็นสะพาน เพื่อให้เธอข้ามไป ปลายทางที่ฝัน จะพาถึงฝั่ง ดั่งที่ตั้งใจ ฉันพร้อมจะเป็นสะพาน เพื่อให้เธอข้ามสู่ความร่มเย็นสดใส วันนั้นอีกไม่ไกล สิ่งที่ฝันไว้…จะกลายเป็นจริง

สิ่งที่ในวันนั้นสัญญา ที่ผ่านมายังสู้ด้วยใจ ต่อให้ล้มยังลุกขึ้นใหม่ทุกครา เกิดมามีชีวิตเพื่อเธอ เพื่อแผ่นดินที่แสนมีค่า จะตอบแทนจะสู้จนกว่าจะสิ้นใจ

เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา ฉันพร้อมจะเป็นสะพาน เพื่อให้เธอข้ามไป ปลายทางที่ฝัน จะพาถึงฝั่ง ดังที่ตั้งใจ ฉันพร้อมจะเป็นสะพาน เพื่อให้เธอข้ามสู่ความร่มเย็นสดใส วันนั้นอีกไม่ไกล สิ่งที่ฝันไว้…จะกลายเป็นจริง”

ให้ประชาชนย่ำข้ามน้ำเชี่ยวกราก

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการ ประชุมครม.ว่า บทเพลง “สะพาน” ที่แต่งขึ้นเพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับประชาชน กับครม. และข้าราชการว่าปี 2560 เป็นปีที่สำคัญที่เราจะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยอย่างที่ทุกคนต้องการ ฉะนั้นข้าราชการการเมืองหรือครม.ต้องทำตัวเป็นเหมือนสะพานที่ให้คนเหยียบย่ำให้คนก้าวข้ามพ้นน้ำที่เชี่ยวกราก ผ่านอุปสรรคและสิ่งกีดขวางไปให้ได้ ทุกคนต้องทำตัวเป็นสะพาน ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว ให้ทุกคนร่วมกันเป็นสะพานและประชาชนก็อย่าแออัดในการข้ามสะพาน เพราะจะเหยียบกันตายในสะพาน เราต้องจัดระเบียบกันให้ได้

“ทุกเพลงที่เขียนมานั่นคือทุกคนคือประชาชน ครม. ข้าราชการต้องคิดแบบผมคิด สื่อกับผมก็เป็นพี่น้องกันคิดแบบผมหน่อย มันอาจจะปวดหัวหน่อยไม่ต้องสร้างสีสันมากนักหรอก ทุกคนเป็นสะพานให้ผมด้วย เป็นสะพานเชื่อมผม ผมเป็นสะพานใหญ่ คุณเป็นสะพานน้อย สะพานเล็กให้คนมีทางเลือก ไม่ใช่ให้ทุกคนมาแออัดอยู่บนสะพานผมสะพานเดียว เดี๋ยวก็ตกน้ำตายอีกเพราะสะพานรับไม่ไหว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่าทำไมเพลงใหม่ที่แต่งถึงมีท่อนที่พูดว่าจะต้องทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนพูดไปแล้วว่าจะต้องทำตามสัญญา คือการนำไปสู่ประชาธิปไตย ถามว่าขั้นตอนคืออะไรก็ได้พูดไปแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาทวงสัญญาว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน

สั่งเดินหน้าปฏิรูป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เป็นการ ประชุมครม. ครั้งที่ 1 ประจำปี 2560 ซึ่งตนบอกไปแล้วว่า ปี 2560 เป็นปีแห่งการเตรียมการปฏิรูป ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยรัฐบาลจะต้องสร้างกระบวนการการรับรู้ การมีส่วนร่วม ในช่วงที่ผ่านมามีการร่างยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมา โดยคณะทำงาน ซึ่งเป็นเบื้องต้น เพื่อให้ได้ตัวเค้าโครงออกมา จาก นี้ไปจะเป็นขั้นตอนการรับรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นกรอบใหญ่

สิ่งที่จะตามมาคือแผนการปฏิรูปประมาณ 128-138 กิจกรรม หรือ 37 วาระ จะดำเนินการขับเคลื่อน มีหลายอย่างที่ทำไปบ้างแล้ว แต่ต้องสร้างความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตนได้มีดำริที่จะตั้งคณะทำงานเตรียมการปฏิรูป เตรียมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วยงานทั้งด้านการปฏิรูป ยุทธศาสตร์ชาติ การปรองดองรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องเดินหน้าในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ ที่ผ่านมาก็ทำอยู่แล้ว แต่เมื่อชี้แจงเป็นรายกิจกรรมอาจไม่เข้าใจว่ามีการดำเนินการบูรณาการ กฎหมายบางตัวออกมาและใช้ประโยชน์ไปบ้างแล้ว ประชาชนบางส่วนอาจไม่เข้าใจ จึงมีการตั้งคำถามว่าได้มีการปฏิรูปแล้วหรือยัง

ปลุกทุกคนมีส่วนร่วม

นายกฯ กล่าวว่า ความจริงการปฏิรูปต้องเริ่มมาจากกระบวนการเตรียมการปฏิรูปก่อน โดยเอาปัญหาทั้งหมด ทั้งด้านฟังก์ชัน ปัญหาซ้ำซากที่ทับซ้อนกัน จะต้องแก้ปัญหาในเชิงบูรณาการ ซึ่งทั้งหมดทำมาหมดแล้วเพียงแต่ยังไม่ไปสู่จุดหมายที่ต้องการ ซึ่งต้องมีระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่าน จึงอยากให้สังคม และทุกคนเข้าใจว่าการปฏิรูปคือการทำใหม่

ในส่วนที่เป็นปัญหาทั้งหมด ทางพระเรียกว่าอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งขั้นตอนใน 2 ปีแรกคือการหาปัญหามา คือทุกข์ สมุทัย คือการหาว่าสาเหตุของการเกิดทุกข์คืออะไร ทั้งกับประชาชน ธุรกิจ เศรษฐกิจ ปัญหาของประเทศ จากนั้นก็นำมาสู่นิโรธ คือการดับทุกข์ ในการสร้างกลไกต่างๆ ออกมา ทุกอย่างต้องเดินไปตามขั้นตอนทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การ แก้ปัญหา ส่วนมรรค คือหนทางที่จะเดินไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน มั่นคง และมั่งคั่ง ซึ่งทุกคนน่าจะเข้าใจกันแล้ว เพราะได้สวดมนต์ข้ามปี

“ผมเองก็คิดแทบตายเพื่อจะสร้างการรับรู้แบบง่ายๆ วันหยุดราชการไปนั่งคิดและเขียนเรื่องมากมายว่าจะทำงานอย่างไร เพื่อให้เกิดความรับรู้มากที่สุด ในช่วงของปี 2560 ซึ่งเป็นปีแห่งการเตรียมการเดินหน้าตามยุทธ ศาสตร์ชาติ โดยกระบวนการมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน ถ้าออกมาแล้วไม่มีส่วนร่วม ยังคงตีรันฟันแทง ทะเลาะ ขัดแย้งกันอยู่ทุกเรื่องมันก็เดินไม่ได้ การปรองดองก็สร้างไม่ได้ เพราะคนไม่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการปรองดอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ให้คำขวัญวันเด็กปี”60

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ประชุมครม.ยังได้อนุมัติกฎหมาย 3 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก ร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับการคุ้มครองแรง งาน และร่างพ.ร.บ.สมุนไพร ซึ่งการทำสมุน ไพรถือเป็นส่วนหนึ่งในการปรับพืชทางการเกษตร เราต้องปลูกพืชสมุนไพรกันบ้าง วันนี้ตนก็ไปเร่งรัดเรื่องสมุนไพรอภัยภูเบศรให้มีการใช้สมุนไพรที่มีมาตรฐานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตนกำลังขับเคลื่อนว่าในทุกพื้นที่ต้องมียาสมุนไพรให้ชาวบ้านได้ใช้ในราคาถูก วันหน้าถ้าเขาใช้ผลิต ภัณฑ์อภัยภูเบศรกันมากขึ้น เราจะขายได้มากยิ่งขึ้นนำไปสู่การต่อยอด เป็นรายได้ที่ดีกว่าการปลูกข้าวแล้วตายหรือการปลูกพืชเศรษฐกิจ ที่ราคาตก เราต้องคิดแบบนี้จึงถือเป็นการปฏิรูป

พล.อ.ประยุทธ์ยังให้คำขวัญวันเด็กแห่งชาติปี 2560 ว่า “เด็กไทยใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง” ซึ่งตนเขียนขึ้นมาเอง เนื่องจากในวันเด็กตนก็พูดถึงเด็ก วันครูตนก็พูดถึงครู จะเห็นว่าตนพูดในเรื่องการพัฒนาประเทศทั้งสิ้น

ย้ำปฏิทินโรดแม็ป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุว่า อาจต้องเลื่อนโรดแม็ปการเลือกตั้งจากปลายปี 2560 ไปเป็นกลางปี 2561 เพราะพิจารณากฎหมายไม่ทันว่า เรื่องนี้ทุกคนถามและตนได้พูดมาตลอด มันมีขั้นตอนอะไรบ้าง ทุกคนต้องเข้าใจขั้นตอนของโรดแม็ปคืออะไร 1.ต้องมีรัฐธรรมนูญ 2.ต้องทำกฎหมายลูก จะกี่ฉบับตนไม่รู้ แต่มีกรอบเวลาอยู่แล้ว ถ้าทำเกินเวลาก็แสดงว่าไม่ทัน ถ้าทำเร็วกว่านั้นก็แสดงว่าทำทัน

เมื่อทำกฎหมายลูกเสร็จจะมีขั้นตอนดำเนิน การในทางการเมืองเรื่องการเตรียมเลือกตั้ง จัดผู้สมัคร หาเสียง และการหาเสียงจะวุ่นวายขนาดไหนก็รู้อยู่แล้ว ซึ่งควรจะทำช่วงไหน ก็ต้องดูเรื่องการเริ่มต้นหาเสียง แต่เมื่อถึงเวลาหาเสียงก็เป็นเรื่องของท่าน ตนไม่ยุ่ง หาเสียงเสร็จ เลือกตั้งเสร็จ ใช้เวลาเท่าไร ประมาณ 150 วัน จากนั้นมีขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาลในระยะเวลา 90 วันใช่ไหม นี่คือสิ่งที่เกิดมาตลอด แล้วตนไปเลื่อนโรดแม็ปของท่านตรงไหน

ว้ากใส่นักการเมือง

“ถ้าทุกคนจะเอาเร็ว เอาเลือกตั้งตอนนี้ ถามว่าแล้วอย่างอื่นจะไปอย่างไร เร่งตรงนู้นตรงนี้ ผมถามว่าไอ้คนเร่งคือใคร และเขาต้องการอะไร เขาได้พูดอย่างที่ผมพูดหรือไม่ ว่าจะปฏิรูปอย่างไร เขาเคยพูดคำนี้กับท่านไหม แล้วท่านก็มาถามว่าผมปฏิรูปหรือยัง แล้วที่พูดโครมๆ ทุกวันไม่ใช่ปฏิรูปหรือ หลายเรื่องทำออกมาได้โดยที่ไม่เคยทำได้ นี่ไม่ใช่ปฏิรูปเหรอ อะไรที่ผมพูดไปล่วงหน้าแล้วทำมันไม่ใช่ปฏิรูปเหรอ ที่ผ่านมาเคยรู้ไหมว่าเขาจะทำอะไร รู้ทีเดียวเมื่อเขาจะทำ แล้วก็ต่อต้านแล้วทำไม่ได้ ไม่เคยทำได้ในสิ่งที่ควรจะต้องทำ แล้วก็เป็นปัญหามาถึงทุกวันนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถามว่าประชาชนในประเทศนี้ต้องการให้ปัญหาเหล่านั้นมันกลับมาอีกทีหรือเปล่า ถ้าท่านอยากได้ก็เอามา แต่ถามว่าคนที่จะมาเดินหน้าประเทศต่อจากตนคือใครไปหามา ใครที่จะสมัครมาขอให้มาพูดอย่างที่ตนพูด มาพูดกับตน เดี๋ยวจะเปิดคณะทำงาน ขึ้นมาเพื่อฟังว่าจะพูดอะไร การปฏิรูปจะทำอย่างไร ตนจะถามนักการเมือง ตอบตนบ้าง อย่ามาไล่ให้ตนทำนั่นนี่ให้เสร็จ วันหน้าถ้าไม่มีมาตรา 44 มันก็ทำไม่ได้ แล้วทำไมเขามาปัดความรับผิดชอบให้ตนแบบนี้ ท่านต้องไปไล่เขาว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ในวันหน้า

วันนี้ขอให้ทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ 6 ข้อคืออะไร ไปเปิดให้เขาดู เขาเขียนอย่างไร จะต้องเป็นประเทศที่หลุดพ้นจากรายได้ปานกลาง ต้องมีการศึกษานำไปสู่สังคม 4.0 นี่คือหัวข้อที่รัฐบาลหน้าต้องเดินในกรอบพวกนี้ใน 5 ปี 20 ปี

อย่าไล่ล่าเรื่องปฏิรูป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตนอาจเสียงดังหน่อยเพราะไม่ได้พูดมา 4 วัน ได้แต่เขียนออกมา และวันนี้ถ้ามาไล่ล่าตนทุกวันคงทำอะไรให้ไม่ได้ บรรดาที่ฟังตนวันนี้แล้วจะมาต่อต้านต้องตอบคำถามของตนให้ได้ก่อน ไม่ว่าจะใครก็แล้วแต่ที่ออกมาพูดในวันนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ตอบมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ อย่ามาไล่ตนว่าปฏิรูปหรือยัง แล้วท่านเคยปฏิรูปไหม เคยทำอะไรที่เป็นกอบเป็นกำ ระยะยาวมีไหม คอยแต่แก้ปัญหาไปเรื่อยๆ ทุกปีๆ การแก้ปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลนี้ทำมา มีใครทำหรือไม่ เลือกเอาจะเอาแบบไหน ไปถามประชาชนมา อย่ามาถามตนว่าเมื่อไรอยู่นั่น มันเป็นขั้นตอนตามโรดแม็ปเขาเรียกปฏิทินทางการเมือง

“ผมไม่ได้ไปลดขั้นตอน ถ้าผมลดขั้นตอนไอ้นี่ก็ไม่ต้องทำ เพื่อให้เลือกตั้งเร็วๆ แล้วมันหมดไหม กฎหมายยังไม่ออกอีกเท่าไร แล้วท่านก็มาบอกว่าผมไม่ทำอะไร ก็ร่วมมือกับผมสิจะได้ลดงานให้เร็วขึ้น ถ้าไม่ร่วมมือก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ถ้าทำไม่ได้ ยุทธศาสตร์ ปฏิรูปจะเดินไม่ได้ ก็เหมือนเดิม ป่วยการที่ผมจะมาทะเลาะกับท่านอยู่ทุกวัน ไม่ไหว แต่ผมอดทนเพราะผมเป็นสะพาน ให้คนก้าวข้ามเหยียบไป และก็ลุกขึ้นใหม่ทุกครา ไม่เคยท้อแท้ ผมบอกครม.ไปแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ลั่นทำความดีไม่กลัวตาย

นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้โมโห ถ้าอารมณ์เสียไม่พูดแบบนี้ ผมอารมณ์ดี แต่อธิบายเสียงดังเพราะไม่ค่อยได้ยิน หูอื้อ หวัดยังไม่หาย แต่ทำงานได้ ไม่มีตายหรอก ไม่ต้องกลัว ทำความดีถ้าตายจะเป็นไรไป เว้นแต่ไม่ทำ ความดีแล้วมันไม่ตาย และทำแต่ความไม่ดี หวังว่าปีใหม่จะเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้นกว่าเดิม คงรู้อยู่แล้วว่าใครทำดีไม่ดี ไม่อาจว่าใครแต่ทุกคนรู้ตัวหมด ถ้าไม่รู้สติตัวเองก็บ้าแล้วถามว่าแล้วปัญหามันแก้หมดแล้วหรือยัง แก้ได้หรือยัง ตนก็สัญญากับประชาชนว่าจะคืนความสุขให้ แต่จะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอน โรดแม็ป เพราะโรดแม็ปคือโรดแม็ปไม่ต้องไปฟังใครพูดอย่างนั้นอย่างนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.15 น. ที่ทำเนียบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นำทีมข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ออกกำลังกายประจำวันพุธ โดยร่วมอบอุ่นร่างกายหรือวอร์มอัพ ด้วยการเต้นแอโรบิก ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เป็นเวลา 20 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นผู้นำ จากนั้นได้เตะตะกร้อวง ร่วมกับพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขา ธิการนายกฯ พล.อ.สกล ชื่นตระกูล คณะทำ งานนายกฯ เป็นเวลา 20 นาที ก่อนจะเดินคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายโดยรอบทำเนียบ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกัน เนื่องจากอายุมากแล้ว แต่มีสื่อมวลชนให้กำลังใจก็หายเหนื่อย

เดินหน้าสร้างปรองดอง

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุมครม.ว่า สืบเนื่องจากวันที่ 27 ธ.ค.2559 ในที่ประชุมร่วม ครม.และคสช. เห็นชอบออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เห็นว่าควรเพิ่มเรื่องการสร้างความปรองดอง ให้เชื่อมโยงกับการปฏิรูปและคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์คสช. โดยให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของทั้งคณะกรรมการปฏิรูปปรองดองและคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธ ศาสตร์ เพื่อนำประเด็นต่างๆ มาจัดลำดับความเร่งด่วนว่ามีเรื่องอะไรสำคัญ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ หากเรื่องไหนแก้ไขกฎหมายนาน จำเป็นต้องดึงบางเรื่องออกมาประกาศเป็นมาตรา 44 หรือไม่

“นายกฯคิดโมเดลนี้เพื่อให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่าโมเดลดังกล่าว กับโมเดลแบบเดิมที่แยกกันคนละส่วน แบบไหนดีกว่ากัน เพื่อให้งานที่รัฐบาลทำไป ไม่ว่าการบริหารราชการ แผ่นดิน ที่สอดคล้องกับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เรื่องการปฏิรูปหรือการปรองดองโดยไม่ต้องรอให้ยุทธศาสตร์ออกมา สามารถขับเคลื่อนบางเรื่องออกมาได้ก่อน อย่างไรก็ตาม เรื่องการสร้างความปรองดองคงต้องให้แต่ละกลุ่มที่เห็นต่างมาพูดคุยกันก่อนเพื่อให้ตกผลึก คาดว่าอาจจะดึงภาคประชาชนต่างๆ เข้ามาร่วมด้วย ส่วนกลุ่มการเมืองยังไม่ได้ลงรายละเอียด คาดว่าอาจจะเป็นไปได้” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

“บิ๊กป้อม”ขออย่ามโน

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวยืนยันว่า โรดแม็ป การเลือกตั้งยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ตามไหนตามนั้น ส่วนที่นายสุรชัยระบุว่า อาจจะทำกฎหมายไม่ทันนั้น เป็นเพียงการสันนิษฐาน ตนไม่รู้ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลยังเดินหน้าตามโรดแม็ปที่นายกฯ ประกาศไว้ อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่มีเปลี่ยนแปลงเพราะขั้นตอนการปฏิบัติมีอยู่แล้วว่าช่วงไหนต้องทำอะไร จะไปเลื่อนจะไปหดไม่ได้ ขออย่าพูดๆ ไปก่อน หรือมโนไปก่อนเลย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงเหตุผลที่นายสุรชัยระบุอาจต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นช่วงกลางปี 2561 เพราะต้องพิจารณากฎหมายจำนวนมากว่า เรื่องนี้ยาว พูดสั้นไม่ได้ต้องมาคุยกันอีกครั้ง ถ้าพูดตอนนี้อาจเกิดความเข้าใจผิด ยืนยันยังเป็นไปตามโรดแม็ปเหมือนเดิม ผู้สื่อข่าวถามว่ากฎหมายที่ค้างการพิจารณาอยู่ในสนช.ยังมีจำนวนมากหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ถ้ากฎหมายค้างก็เร่งพิจารณา

“ดอน”ลั่นถ้าเลื่อน-ตปท.เข้าใจ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของต่างประเทศหลังมีข่าวว่าอาจเลื่อนโรดแม็ปการเลือกตั้งออกไปเป็นกลางปี 2561 ว่า ถึงแม้เราจะเลื่อนโรด แม็ปออกไปจริงๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อท่าทีที่ต่างประเทศมีต่อไทย เพราะเขาเข้าใจและรับรู้ถึงพัฒนาการที่ประเทศเราเดินมา อย่างกรณีทำประชามติเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2559 เหมือนเป็นสัญญาประชาคมที่ไทยจัดให้มีการเลือกตั้งย่อมๆ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถจัดการเลือกตั้งได้แน่นอน เขาเข้าใจกระบวน การที่เราเดินและเข้าใจถึงความสูญเสียของคนไทยในขณะนี้ เขาก็ให้กำลังใจ

“การจะดำเนินการอะไรหลังจากนี้ จะต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์ และแม้จะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติแน่นอน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องชี้แจงต่างประเทศอย่างเป็นทางการ สำหรับ การเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯนั้น เนื่องจากช่วงนี้เราอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ น่าจะเริ่มที่งานของอาเซียนก่อน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นงานไหน และเมื่อใด” นายดอนกล่าว

“พีระศักดิ์”ปัดสนช.ยื้อเลือกตั้ง

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองโจมตีสนช.มีเจตนายื้อการเลือกตั้งไม่ให้ทันปลายปี 2560 ว่า สนช.ไม่มีเจตนายื้อหรือเลื่อนการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่นายสุรชัยระบุว่า อาจจะต้องเลื่อนเลือกตั้งเป็นกลางปี 2561 นั้น เป็นการอธิบายเงื่อนเวลาตามโรดแม็ปแต่ละขั้นตอน ว่าหากใช้เพดานเวลาสูงสุด เช่น คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ใช้เวลาร่างกฎหมายลูก 8 เดือน สนช.พิจารณากฎหมายลูก 2 เดือน และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมการเลือกตั้ง 150 วัน จะไม่สามารถเลือกตั้งได้ทันปลายปี 2560 อาจจะต้องเลื่อนไปเป็นปี 2561

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกรธ.จะส่งกฎหมายลูก 4 ฉบับ มาให้สนช.พิจารณาได้เร็วแค่ไหน หากส่งมาทั้งหมดได้เร็วเช่น ภายใน 160 วัน คาดว่า สนช.จะพิจารณาเสร็จได้ทันภายใน 60 วัน ก็น่าจะจัดการเลือกตั้งได้ทันปลายปีนี้ เพราะสนช.ได้เตรียมศึกษาข้อมูลกฎหมายลูกฉบับต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว คงใช้เวลาพิจารณาไม่นาน แต่หากกรธ.ใช้เวลาพิจารณากฎหมายลูกตามเพดานสูงสุด 240 วัน แล้วส่งมาให้สนช.พิจารณา อาจจะส่งผลให้จัดการเลือกตั้งไม่ทันในปลายปี 2560

เชื่อกฎหมายลูกไม่เป็นอุปสรรค

นายพีระศักดิ์กล่าวว่า สุดท้ายแล้ว การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2560 หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคสช.เป็นสำคัญ ขณะนี้วิป 3 ฝ่ายคือ สนช. สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และครม.ได้ประสานกันตลอดเวลาเรื่องการพิจารณากฎหมายว่า จะเร่งผลักดันกฎหมายฉบับใดก่อนหรือหลัง

ส่วนแนวโน้มที่สนช.จะแก้ไขหลักการเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก และต้องตั้งกรรมาธิการร่วม จนอาจกระทบต่อเงื่อนเวลาการเลือกตั้งได้นั้น คิดว่าคงเกิดขึ้นยาก เพราะขณะนี้กรธ.ได้ขอความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหากฎหมายลูกมายังสนช. ซึ่งสนช.ได้เสนอแนะความเห็นไปแล้ว เชื่อว่า กรธ.จะนำไปพิจารณาร่วมกับความเห็น จากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การร่างกฎหมายลูกออกมาตรงความต้องการของทุกฝ่าย

“บิ๊กตู่”ขอโทษ”ปู”-สั่งตร.ตามห่างๆ

ส่วนกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุมี เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตามติดตลอดการเดินทางที่จ.เชียงใหม่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในช่วงปีใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนได้สั่งการไปแล้ว หน่วยงานความมั่นคงเขาไปดูแลความปลอดภัย ไม่ต้องไปถ่ายรูปอะไรมากมาย เพราะจะถูกบอกว่าไม่ให้ความเป็นส่วนตัว ก็ขอว่าอย่าโอดครวญ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนไปคอยดูแล เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาจะมาโทษรัฐบาลว่าไม่ดูแล แต่บอกไว้ว่าอย่าไปถ่ายรูปให้มากมาย ก็ต้องขออภัยไว้ด้วยแล้วกัน อะไรที่ตนรับได้ ก็คือรับได้

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนเห็นที่น.ส. ยิ่งลักษณ์โพสต์แล้ว แต่ไม่มีอะไร ไปตามเพื่อป้องกัน ไปดูเผื่อเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้ป้องกันได้ เพราะหากเกิดเหตุอะไรขึ้นคนเดือดร้อนก็เป็นรัฐบาล ถ้าเราไม่ไปดูแลใครทำเราก็ไม่รู้ บางทีอาจมีมือที่สาม เราไม่มีเจตนาจับตาว่าท่านไปทำอะไรที่ไหน แต่ต้องตามดูทุกที่ทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบในฐานะที่ท่านเป็นอดีตนายกฯ เราต้องดูแล

“ปู”เผยทำบุญล้างซวย

นายจักรพงศ์ ชื่นดวง สมาชิกพรรคเพื่อไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 ม.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมบุตรชายและผู้ติดตามเดินทางด้วยขบวนรถยนต์ 5 คัน มาทำบุญที่วัดศรีดอนชัย ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นเวลา 14.25 น.ขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่เพื่อกลับกทม. ทั้งนี้ อดีตนายกฯ ไม่ค่อยสบายใจที่มีหน่วยข่าวกรอง ประกอบด้วยหน่วยทหาร ตำรวจสันติบาล และฝ่ายปกครอง มาติดตามไปทุกหนแห่งที่เดินทางไปพักผ่อนหรือทำบุญ จนเกิดความอึดอัดอย่างมาก เดิมจะอยู่พักผ่อนจนถึงวันที่ 5 ม.ค. แต่เหตุการณ์ ดังกล่าวทำให้เปลี่ยนแผนมากลับวันนี้แทน

น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า ตนมาปายครั้งนี้เพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวและทำบุญสะเดาะเคราะห์ล้างซวยตามแบบประเพณีของชาวเหนือ เพื่อต้อนรับปีใหม่และหวังว่าจะทำ ให้ในปีนี้ทุกอย่างในชีวิตจะปลอดโปร่งแจ่มใส ชนะภัยทุกประการ และในอำเภอปายได้พบปะกับประชาชน ชาวนาในพื้นที่ที่ร้อง ขอให้ ช่วยเหลือ หาคนมาซื้อข้าวสาร ตนจึงรับปากว่าจะหาทางระบายข้าวสาร โดยหาคนมารับซื้อข้าวสารของเกษตรกรในเมืองปาย ซึ่งข้าวส่วนใหญ่จะเป็นข้าวหอมมะลิที่ขึ้นชื่อและมีความหอมในเมล็ดข้าวกว่าข้าวหอมมะลิที่อื่นๆ

โพสต์แนะ-ต้องให้เกียรติกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวันเดียวกัน น.ส. ยิ่งลักษณ์ โพสต์ข้อความในเพซบุ๊กส่วนตัวว่า ที่วันนี้ตัดสินใจโพสต์ข้อความอีกครั้งนั้น ไม่ใช่เป็นการตอบโต้หรือสร้างประเด็นความขัดแย้ง แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า การดูแลความปลอดภัยตามที่รัฐบาล คสช. กล่าวนั้น ต่างจากสิ่งที่ดิฉันได้รับอย่างไร เท่าที่ดิฉันเข้าใจ การดูแลความปลอดภัย อดีตนายกฯและอดีตรมว.กลาโหมนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบควรเข้ามาแสดงตัวหรือแนะนำตัว อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ มากกว่าที่จะบอกว่าเป็นเรื่องเนียนหรือไม่เนียน ที่สำคัญไม่ควรมาสะกดรอยตามทุก ฝีก้าว หรือแอบถ่ายรูปมากเสียจนขาดความเป็นส่วนตัว หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

นอกจากนั้น การไปติดตามสอบถามตามร้านค้า หรือทุกสถานที่ ทั้งก่อนที่ดิฉันจะไปและหลังจากกลับแล้ว ดูจะเป็นการสร้าง ความตระหนกตกใจแก่ผู้ประกอบการและประชาชนเสียมากกว่า ดิฉันจึงเห็นว่ารัฐบาลควรจะใช้เวลาและกำลังพลเพื่อทำประโยชน์แก่ประชาชนจะเป็นการดีกว่า

เพื่อไทยอัดคุกคามสิทธิ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายกฯ และรองนายกฯยืนยันว่าเป็นการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อมาดูแลและรักษาความปลอดภัยให้นั้น ดูเหมือนเป็นสิ่งดีหากทำตามมาตรฐานที่โลกเขาพึงกระทำต่ออดีตผู้นำ แต่จากที่รับทราบและเห็นภาพข่าว เป็นการปฏิบัติงานที่ไร้ประสิทธิภาพและไร้มาตรฐาน สิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการไม่ได้มีสิ่งใดมากไปกว่าการปฏิบัติเฉกเช่นพลเมืองไทยผู้สุจริตที่พึงได้รับเคารพและคุ้มครองในอิสรภาพและเสรีภาพ มิใช่การกระทำที่ในสายตาของคนทั่วไปเข้าใจได้ว่าคือการคุกคามอย่างเปิดเผย ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลและความปรารถนาที่จะให้เกิดความปรองดองไม่ได้รับการเชื่อถือในสายตาทุกคน

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอตั้งคำถามว่าการรักษาความปลอด ภัยอดีตนายกฯ เขาทำด้วยการตามถ่ายรูป ซึ่งอาจกระทบต่อสิทธิในความเป็นส่วนตัวหรือเสรีภาพหรือไม่ และอดีตนายกฯได้ร้องขอการดูแลลักษณะนั้นหรือไม่ รัฐบาลควรเป็นผู้นำในการสร้างบรรยากาศบ้านเมืองให้ปกติ ลดความหวาดระแวงกัน รวมทั้งการเคารพสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่ายและเอื้อต่อการปรองดองในชาติ เราอาจเห็นต่างกันทางการเมือง แต่ควรเคารพสิทธิและอยู่ร่วมกันได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน