เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังจาก รมว.พาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามในหนังสือบังคับทางปกครอง เรียกร้องค่าเสียหายจากการขายข้าวแบบจีทูจีเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา กำลังรอเอกสารจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งมาอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นจะยื่นขอทุเลาคำสั่งและไต่สวนฉุกเฉิน เชื่อว่าศาลจะรับคำร้องเพราะถือเป็นสิทธิ์ในการพิสูจน์ว่าคำสั่งออกมาโดยชอบและมีกระบวนการครบถ้วนตามกฏหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะฟ้องกลับทั้งทางอาญาและแพ่งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามสิทธิ์ที่จะทำได้ เพราะการนำมาตรา 44 มาใช้ทั้งๆ ที่มีกฏหมายที่จะดำเนินการได้ตามขั้นตอนอยู่แล้ว ถือเป็นการลัดขั้นตอน เร่งรัดให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ รวมทั้งการที่นายกฯ มอบหมายให้รัฐมนตรีลงนามแทนทั้งที่ตาม พ.ร.บ.เรียกให้ชดใช้ความผิดทางละเมิดในระดับรัฐมนตรี กำหนดให้นายกฯ เป็นผู้ลงนามเท่านั้น ก็เป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องชี้แจงในชั้นศาลด้วย อย่างไรก็ตาม คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งถูกฟ้องความผิดตาม ม.157 จึงไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกัน เพราะจะไม่เป็นธรรมกับอดีตนายกฯ

“ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายปกครอง ไม่มีการฟังคำชี้แจงใดๆ และการใช้สำนวนของ ป.ป.ช.มาเป็นหลักในการฟ้องเรียกค่าเสียหาย ก็เป็นการใช้สำนวนเดียวกับคดีอาญาที่ยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล ยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นในการระบายข้าว ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญา มีการระบุตัวเลข และได้รับการชำระเงินครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปบริสุทธิ์และโปร่งใส” นายบุญทรง กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน