นศ.มธ.ไม่เอา ตัวตลกชวนออกกำลังกาย ฝันถึง ผู้นำไทยผงาดเวทีโลก!! อนค.-พท. หนุนเชื่อมสากล ยึดปชต.-สิทธิมนุษยชน จัดสมดุลใหม่ จีน-สหรัฐ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่เวทีกลาง ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มีการจัดกิจกรรม “ธรรมศาสตร์วิชาการเพื่อประชาชนและความยั่งยืน” โดยช่วงหนึ่งให้ตัวแทนนักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ ปราศรัย “นโยบายเพื่อประชาชนและความยั่งยืน” เช่น ด้านการต่างประเทศ นักศึกษารายหนึ่งมองว่า ผู้นำของไทยควรเป็นผู้นำในเวทีโลกอย่างแท้จริง ไม่ใช่ตัวตลก ที่ไปนำผู้นำนานาชาติออกกำลังกายในเวทีการประชุมระดับโลก

พร้อมให้ฝ่ายการเมืองจาก 4 พรรค คือ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล พรรคเพื่อไทย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคประชาธิปัตย์ นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ร่วมแสดงความคิดเห็น โดยมีนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากที่มาร่วมงานให้ความสนใจรับฟัง

น.ส.ขัติยากล่าวว่า สนับสนุนให้มุ่งเน้นโยบายประชาธิปไตยต่อสายตาประชาคมโลก ผู้นำต้องแสดงความเข้มแข็ง เพื่อต่อยอดเรื่องอื่นๆ สิ่งที่เราต้องทำคือ รักษาประชาธิปไตย อันเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมโลก เมื่อเราเปลี่ยนเป็นเผด็จการ เขาจึงเรียกร้องให้กลับสู่ประชาธิปไตย ซึ่งต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนด้วย

นายพริษฐ์กล่าวว่า น้อยคนมากที่จะให้ความสำคัญต่อนโยบายด้านต่างประเทศ ทุกวันนี้ปัญหาหลายอย่างแก้ไขโดยประเทศเดียวไม่ได้แล้ว เช่น เรื่องลดขยะ ไทยมีศักยภาพในภูมิภาคหลายด้าน ประชาธิปไตยก็เป็นหนึ่งที่เราจะเป็นผู้นำได้ สิ่งหนึ่งที่อยากให้มีการผลักดันคือ การให้สิทธิสมรสกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ทั้งนี้ อาเซียนเองก็มีหลักการไม่แทรกแซงการเมืองภายใน เราก็ต้องระวังในเรื่องนี้ด้วย ส่วนหลักการสิทธิมนุษยชนควรนำมาใช้ แต่ต้องอย่าทำลายจุดแข็งทางประเพณีวัฒนธรรมไทย เช่น การท่องเที่ยว เรื่องอาหารการกิน

นายเขตรัฐกล่าวว่า ต้องยุติการทูตลู่ลม นำจุดแข็งไทยขึ้นมาเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของโลก ประเทศไทยควรเป็นเมืองหลวงการท่องเที่ยวของโลก อย่างกรุงเทพฯ เองก็เป็นเมืองอันดับต้นๆ ของโลก หากสามารถเชื่อมโยงอีอีซี เชื่อมโยงเมืองท่าอื่นๆ ของโลกได้ ก็สามารถก้าวเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจได้

ด้านน.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ประทับใจมากกับแนวคิดศูนย์กลางคือประชาชน ซึ่งควรเปลี่ยนมานานแล้ว การทูตต้องรับใช้ประชาชน การเชิดชูความเป็นไทยสากล สอดคล้องกับพรรคอนาคตใหม่ ที่นำเสนอวิสัยทัศน์ไทยสองเท่า เท่าเทียมกันเท่าทันโลก ซึ่งอนาคตใหม่เห็นต่างกับพรรคประชาธิปัตย์ และรวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่าความเป็นไทยต้องไม่ใช่แค่ความสวยงามในอดีตเท่านั้น ความเป็นไทยและสิทธิมนุษยชนสามารถรวมกับสากล ที่ไม่ใช่แค่ขับร้องฟ้อนรำอย่างเดียวได้

ส่วนผู้นำอาเซียนไม่ได้เป็นอะไรมากกว่ากลุ่มแก๊ง ที่ไม่พูดเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่จำเป็นต้องปักธงในภูมิภาคอาเซียน สิ่งที่ลืมไม่ได้คือการวางยุทธศาสตร์ ระหว่างการเข้ามาของสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งหายไปในรัฐบาลนี้ มันจำเป็นต้องมีการจัดวางสมดุลใหม่ เพื่อให้มีความแหลมคมมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน