ศึกสายเลือด! ‘ประชาธิปัตย์-ลุงกำนัน’ ซัดกันนัว จ่อขับ ปชป.สาย กปปส.พ้นพรรค!

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดบ้านพักในจ.สงขลา ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย รับสมัครสมาชิกพรรคและปราศรัยว่าหวังจะล้มนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า

– เริ่มจาก “ส.ส.ถาวร” เปิดบ้านรับ “เทือก”

ตนทราบเรื่องนี้จากข่าวและคลิปวีดีโอที่มีผู้บันทึกภาพและเสียงของนายสุเทพไว้แล้วส่งมาให้ตน โดยในตอนนั้น นายสุเทพพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพ่ายแพ้ในพื้นที่สงขลา เขต 7 และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงนายถาวรจะได้เป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกโกง ซึ่งถือเป็นคำพูดที่รุนแรงมากต่อพรรคประชาธิปัตย์

เหตุการณ์นี้ทำให้สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งไม่สบายใจและรู้สึกสับสนมากว่าทำไมจึงมีการปล่อยให้คนของพรรคอื่นมารับสมัครสมาชิกพรรคนั้น และปราศรัยโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่สาขาพรรคประชาธิปัตย์เอง ซึ่งพื้นที่บ้านของนายถาวรถือที่ตั้งอดีตสาขาพรรคด้วย

จึงมีสมาชิกพรรค 20 คน ทำหนังสือมาถึงตนเพื่อขอให้สอบสวนข้อเท็จจริง และตนรายงานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทราบแล้ว ทั้งนี้ตามข้อบังคับพรรคกำหนดว่าถ้าสมาชิกคนใดกระทำการที่ส่อว่าจะผิดข้อบังคับหรือผิดวินัยของสมาชิก และถ้ามีสมาชิกจำนวน 20 คนขึ้นไป เห็นว่าควรมีการสอบสวน ก็ต้องยื่นเรื่องให้หัวหน้าพรรคพิจารณาต่อไปได้

– ส่อผิดระเบียบพรรค โทษถึงไล่ออก

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ถือว่านายถาวรทำผิดระเบียบข้อบังคับของพรรค จึงต้องสอบสวนทางวินัย แต่ถ้าพรรคไม่ทำอะไร อาจเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆในพรรคเราเปิดให้คนของพรรคอื่นๆ เข้ามาใช้พื้นที่สาขาพรรคเราไปทำแบบนั้นบ้าง และเราอาจถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าเราไปฮั้วหรือสมยอมทางการเมือง หรือมีการแลกผลประโยชน์ทางการเมือง

ทั้งนี้ ถ้าหัวหน้าพรรคเห็นชอบว่าต้องสอบสวนเรื่องนี้ ก็จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และต้องเชิญนายถาวรมาชี้แจง ซึ่งในอดีตเราเคยมีการดำเนินการเช่นนี้มาแล้ว

หากกรรมการสอบสวนสรุปผลว่าการกระทำนั้นไม่ถูกต้อง หรือเกินเลยกติกาของพรรค ก็ต้องมีการลงโทษ ซึ่งมีทั้งการตักเตือน การลบออกจากการเป็นสมาชิกพรรค หรือการให้บุคคลนั้นขาดจากความเป็นสมาชิกช่วงระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อถามถึงการที่นายศิริโชคถูกนายสุเทพพุ่งเป้าไปเจาะพื้นที่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า การทำงานในพื้นที่ของนายศิริโชคเป็นเรื่องที่พรรคต้องพิจารณาหรือให้คำแนะนำเขา ไม่ใช่ปล่อยให้คนนอกมาพูดถล่มเขาในที่สาธารณะอย่างนี้

– เทือกล้ำเส้น หรือ “คนในบ้าน” เป็นใจ?

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของนายสุเทพครั้งนี้ ถือว่าล้ำเส้นหรือผิดมารยาททางการเมืองหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เราไปต่อว่านายสุเทพไม่ได้ เพราะคนของเราเปิดประตูให้เขาเข้ามา แต่นายสุเทพและนายถาวรย่อมรู้ความเหมาะสมอยู่แล้วว่าสิ่งใดที่ควรทำหรือไม่ควรทำ

โดยก่อนที่นายสุเทพจะมายังบ้านของนายถาวร ได้ปราศรัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นคู่ต่อสู้กัน แล้วคนของเราควรปล่อยให้คู่ต่อสู้เข้ามาในบ้านของเรา แล้วเชิญคนมาสมัครสมาชิกพรรคของเขาอย่างนั้นหรือ

เรื่องความเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องมีอยู่ได้ แต่การแข่งขันในระดับพรรคการเมือง มันมีขอบเขตว่าทำได้ในระดับไหน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ควันหลังหรืออาฟเตอร์ช็อกจากการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่พวกเขาอาจมีเจตนาที่ต้องการทำให้เรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างไรขอให้รอผลการสอบสวนของพรรคออกมาก่อน

ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองว่ามีรอยร้าวมากขึ้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหา มันไม่ต้องใช้ยาพาราเซตามอลที่เราจะกินต่อเมื่อเราปวดหัว ถ้ากินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไตก็พัง อาจต้องมีการผ่าตัด เจ็บนิดหน่อย เจ็บครั้งเดียวแต่หาย อยู่ที่กรรมการของพรรคที่เปรียบกับหมอ ถ้าหมอบอกว่ากินยาไปก่อน ก็ไม่ว่ากัน ถ้าทำให้คนไข้หาย ก็ไม่เป็นอะไร แต่ผมกลัวว่าจะเกิดการเอาอย่าง ที่นี่ทำได้แล้วที่อื่นทำบ้าง มันจะยุ่งกันใหญ่”

– “หัวหน้ามาร์ค มาแล้ว! สั่งสอบ ผิดหรือไม่?”

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นให้นายนิพิฏฐ์สอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เป็นการกระทำที่ขัดต่อ ข้อบังคับพรรคในฐานะสมาชิกพรรคหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่าทำผิดวินัย ก็ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติที่กำหนดในข้อบังคับพรรค อย่างไรก็ตามต้องเปิดโอกาสให้นายถาวรได้ชี้แจง

การสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่นายถาวร สนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค แต่เป็นเรื่องพฤติกรรมของสมาชิกพรรคว่าไปสนับสนุนพรรคอื่นหรือไม่

– ถาวร งง! ผิดตรงไหน เปิดบ้านรับ “คนต่างพรรค?”

ขณะที่นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับแจ้งจากพรรคว่าจะดำเนินการสอบสวนตนจริงหรือไม่ ถ้าจะสอบสวนจริง ตนยินดีเข้าสู่กระบวนการ และจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือ และถ้าผลการตัดสินของพรรคออกมาว่าตนทำผิด ก็พร้อมรับโทษ

อย่างไรก็ตาม ตนและนายสุเทพเป็นเพื่อนมานานกว่า 20 ปี ร่วมต่อสู้กับระบอบทักษิณและรัฐบาลทรราชกว่า 240 วัน รวมถึงถูกฟ้องคดีอื่นๆ แม้ตนยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ไปร่วมพรรครวมพลังประชาชาติไทย แต่อุดมการณ์เดิมและความเป็นเพื่อนยังมีอยู่

เมื่อเพื่อนเดินทางมา ตนเชิญนายสุเทพมาใช้บ้านของตนเป็นสถานที่พบปะประชาชนในจ.สงขลา ในฐานะคนรักกัน และนี่จะทำให้คนประชาธิปัตย์มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น คนของพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะได้รู้จักคนประชาธิปัตย์ดี สิ่งที่ตนทำจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างไรก็ตาขอยืนยันว่าตนยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

– ควรขอบคุณลุงกำนัน ปชป.ต้องประเมินตนเอง

นายถาวร กล่าวอีกว่า ส่วนการที่นายสุเทพพูดถึงนายศิริโชคนั้น เขาระบุชัดว่าจะแข่งขันกับนายศิริโชคซึ่งเป็นเขตที่อ่อนที่สุด และไม่ได้มีเพียงพรรครวมพลังประชาชาติไทย แต่ยังมีอีกหลายพรรคที่หวังว่าจะเจาะพื้นที่นี่ด้วย ตนจึงไม่อยากให้พรรคเข้าใจผิดหรือมองในแง่ร้ายแต่พรรคควรขอบคุณนายสุเทพที่ได้เป็นกระจกสะท้อนว่าพื้นที่เขตใดบ้างที่อ่อนหรือเข้มแข็ง เพื่อทำให้พรรคได้รู้ตัวว่ามีเขตใดที่ควรปรับปรุงให้พื้นที่เขตนั้นเข้มแข็งมากขึ้น

ส่วนการเปิดบ้านให้นายสุเทพรับสมัครสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทยนั้น ที่จริงแล้ว พรรคการเมืองและนักการเมืองขณะนี้เปรียบเหมือนสินค้า ใครมีสินค้าดี นำมาวางขาย ก็เป็นสิทธิของคนซื้อที่จะเลือกซื้อ คือประชาชน ขณะนี้ในจ.สงขลามีพรรคการเมืองที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งประมาณ 10 พรรค ดังนั้นถ้ประชาชนเห็นว่านักการเมืองคนไหน พรรคไหนดี ก็เหมือนเห็นสินค้าดี มีสิทธิเลือกซื้อได้


ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน