‘โอ๊ค’ จัดหนัก ‘มีชัย’ หลังลาออกจาก นายกสภามหาลัยดัง! หนีปมกฎหมาย ปปช.เปิดบัญชีทรัพย์สิน!

จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกกฎหมาย ประกาศ ป.ป.ช.ฉบับล่าสุด เรื่องการยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยให้ข้าราชการทุกคนเตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินตามกฎหมายป.ป.ช.

ส่งผลให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายกสภา มรร. ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกสภามรร. ในที่ประชุม โดยจะมีผลในวันที่ 18 พฤศจิกายน จากนั้นที่ประชุมได้คัดเลือกกรรมการสรรหานายกสภามรร.คนใหม่ ที่จะต้องดำเนินการสรรหาภายใน 90 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกครั้งนี้ มีผลจากการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ออกประกาศให้ข้าราชการระดับสูง รวมทั้งนายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ยื่นบัญชีทรัพย์สิน รวมทั้งคู่สมรสทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียน ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงกรณีนี้ โดยระบุว่า

ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เมื่อ “คนเขียนกฎหมาย เลี่ยงที่จะอยู่ภายใต้กฎหมายที่ตัวเองเขียน” ครับ

“คนร่างกฎหมาย ก็เปรียบเสมือนเชฟปรุงอาหาร” ที่ในเมื่อตัวเองยืนยันว่าอาหารที่ปรุงเองกับมือนั้น มีรสชาติกลมกล่อมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือ “กินแล้วไม่ตาย” ตัวเองก็สมควรจะกล้ากินอาหารนั้นเป็นตัวอย่าง เพื่อให้ลูกค้าทั้งประเทศเชื่อมั่น และกล้าที่จะฝากท้องฝากสุขภาพไว้ด้วย

แต่ถ้าตัวพ่อครัวเองยังไม่กล้ากิน จนถึงขั้นยอมลาออกหนีกันหมดทั้งครัวแบบนี้ ลูกค้าทั้งหลายจะยังคงต้องให้ความไว้วางใจ ยอมที่จะกลืนกินมันเข้าไปอีกหรือ..?

นี่เราพูดถึงอาหารแค่จานเดียว ซึ่งก็คือกฎหมายลูกแค่ฉบับเดียวนะครับ แต่อาหารทั้งหมดที่พ่อครัวคณะนี้ปรุงทิ้งไว้ คือกฎหมายแม่ทั้งฉบับ ประกอบกับกฎหมายฉบับอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน โดยตลอด 4 ปีครึ่งที่ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมมานี่ พ่อครัวใหญ่คนเดิมกับคณะมือกฎหมายเดิมๆ ร่างไว้เรียบ น่าจะมีเป็นหลักร้อยฉบับ ที่เขียนเอาไว้เสร็จเรียบร้อยจนพร้อมเสริฟขึ้นโต๊ะทั้งหมดแล้ว

ว่ากันว่างบประมาณที่ใช้ในการออกกฎหมายทั้งหมดนี้ เป็นค่าเงินเดือน, เบี้ยเลี้ยง, เบี้ยประชุม, ดูงาน, ผ่านกฎหมาย ฯลฯ ไม่ใช่แค่หลักพันล้านบาทนะครับ จริงเท็จแค่ไหนไม่รู้ เดี๋ยวสื่อต่างๆ คงจะสืบกันมาให้เราดู

ไม่มีใครรู้ว่า 4 ปีที่ผ่านมา พ่อครัวแต่ละคนมีเงินเพิ่มขึ้นเยอะขนาดไหน เพราะเขาไม่เคยเปิดเผยให้เรารู้ ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่กล้าโชว์ทรัพย์สิน? หรือว่ามีเหตุผลอื่นใดนอกเหนือจากนี้กันแน่? จึงต้องยอมเสียหน้ายอมลาออกจากตำแหน่งพร้อมๆ กัน แบบหัวซุกหัวซุนขนาดนี้

กฎหมายอาบยาพิษ ก็เหมือนกับการนำปลาปักเป้า(ฟุกุ) มาปรุงเป็นอาหารนั่นแหละครับ จะแน่ใจว่าพิษสงที่มีไม่ทำร้ายผู้บริโภค ก็ต่อเมื่อพ่อครัวกล้าที่จะพิสูจน์ ด้วยการหยิบชิ้นแรกขึ้นมากินโชว์ ให้ดูเป็นตัวอย่าง

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่คุณพ่อพาไปกินปลาฟุกุ ถ้าตอนทำเสร็จแล้วนำมาเสริฟ เราลองให้พ่อครัวกินให้ดู ปรากฏว่าพ่อครัววิ่งหนีออกจากร้านกันหมด ไม่ยอมชิมกันสักคน ถ้าผมหยิบใส่ปากเข้าไปแล้ว ก็คงจะ “ถุยทิ้ง” หรือถ้าเผลอกลืนเข้าไปแล้ว คงต้องล้วงคอสำรอกออกมาให้หมด

หรือว่าเหตุการณ์นี้ เหมือนกับที่คุณพ่อผมเคยพูดไว้

“ต้นไม้พิษ ผลของมัน จะแลดูน่ากิน อย่างไร ก็ยังคงเป็นผลไม้พิษด้วยเสมอ”

อย่างนั้นหรือเปล่าครับ..?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน