อ.รัฐศาสตร์มึน! โพล ม.รังสิต พลังประชารัฐชนะเลือกตั้ง ต้องเอาใจ…ขนาดนี้เลย

จากกรณี ที่นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต เผยแพร่ผล โพล พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะชนะพรรคเพื่อไทย เป็นครั้งแรกนับจากปี 2544 ของพรรคไทยรักไทย ด้วยบัตรคนจนที่ถูกใจประชาชน กว่า 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

วันที่ 29 พ.ย. นายไชยันต์ รัชชกูล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.พะเยา กล่าวว่า ในทางวิชาการ ผลโพลทุกสำนักยังคงมีคำถาม เช่นเดียวกับของ ม.รังสิต กลุ่มตัวอย่าง 8,000 คนที่สำรวจครอบคลุมแค่ไหน ปัจจัยแปรแต่ละด้านเป็นอย่างไร คำถามชี้นำหรือไม่ ไม่มีใครเห็นตัวแบบสอบถาม การตีความจากข้อมูลดิบที่ได้

เป็นคำถามถึงความน่าเชื่อถือ เพราะมันสวนทางต่อกระแสสังคมที่รู้สึกไม่พอใจต่อรัฐบาลทหาร

ส่วน 30 บาทรักษาทุกโรค นั้น ทุกคนต่างรู้ดีถึงความสำคัญ ถึงขนาดองค์กร WHO ยังยกย่องยอมรับ แล้วโพลได้ไปถามชาวบ้านที่ต่อคิวรับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ จริงอยู่ที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยถูกดูดไปพปชร.เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อกระแสความนิยมจนถึงขั้นเพื่อไทยจะแพ้เลือกตั้ง ผลงานที่ผ่านมาในการทำให้นโยบายจับต้องได้ผ่านประชาธิปไตยกินได้ยังคงอยู่ในความรับรู้ของประชาชน

ต้องย้อนกลับไปถามคสช.เองว่า ถ้า 30 บาท และกองทุนหมู่บ้านไม่ดีจริงทำไมไม่กล้ายกเลิก ซึ่งการบริหารประเทศของคสช.เองก็ไม่ได้แตกต่างจากที่ว่ารัฐบาลอื่นไว้ ต่อผลโพลที่ออกมา

ยังก่อให้เกิดคำถามในแวดวงวิชาการอีกว่า ต้องเอาใจกันขนาดนี้เลยใช่หรือไม่ ทุกคนต่างก็ทราบกันดี บุคลากรใน ม.รังสิต ต่างมีแนวนโยบายนิยมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส. กันเป็นส่วนใหญ่

คนที่ทำโพลฉบับนี้ก็มีชื่อเสียงในแง่ความไม่เป็นกลาง ทำไมไม่ลองถามประชาชนเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำหรือดาวเทียมสอดแนมดูบ้าง ทั้งหมดคือภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ที่ใช้อคตินำ จนสถาบันทางการเมืองหมดความน่าเชื่อถือ แล้วลามมายังสถาบันการศึกษา ที่ใช้วิชาการเป็นฉากหน้า รับใช้อคิตและผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน